ศอ.รส. เร่งกำชับตำรวจสอบสวนสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีเหตุระเบิดถนนบรรทัดทอง ชี้ถือเป็นการกระทำรุนแรงโหดเหี้ยม วอนผู้ร่วมชุมนุมระมัดระวัง จับตามองบุคคลแปลกปลอม เผยจากการตรวจสอบปรากฏหลักฐานชัดเจนเป็นการกระทำของกลุ่มที่เดินทางร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันเป็นการสร้างเหตุการณ์ให้เกิดความรุนแรง มีเป้าหมายประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่เป็นการมุ่งร้ายต่อแกนนำ พร้อมแสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์-ประณามผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์
วันนี้ (19 ม.ค.57) เวลา 13.35 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์จัดทำแผนและประสานงานของ ศอ.รส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ดังนี้
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ศอ.รส. ได้เร่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนสืบสวนหาข้อเท็จจริง และหาตัวคนร้ายที่ปาระเบิดมาลงโทษโดยเร็ว ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังจากที่ กปปส. ได้ให้ความร่วมมือและอนุญาตให้ทางตำรวจได้เข้าในพื้นที่ได้ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งอาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ปรากฏข้อเท็จจริงและข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ปาระเบิดในครั้งนี้หลายประการ ศอ.รส. จึงขอวิงวอนให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงได้โปรดระมัดระวัง และควรเฝ้าจับตามองบุคคลแปลกปลอมที่ไม่ประสงค์ดีและพยายามสร้างสถานการณ์ หรือก่อเหตุร้ายในระหว่างการชุมนุมเอาไว้ด้วย และหากพบเห็นความผิดปกติก็ขอได้โปรดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบด้วยในภายหลัง
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวชี้แจงรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ปาระเบิดในครั้งนี้ว่า จากสถานการณ์การระเบิดที่ถนนบรรทัดทองเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 ที่ผ่านมานั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงและโหดเหี้ยม หลังจากการเกิดเหตุได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่แต่ละฝ่ายได้รับ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถ โดยได้ดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ และเป็นไปตามหลักกฎหมาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หาข้อเท็จจริงด้วยการเก็บพยานหลักฐานต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุ การสอบสวนพยานบุคคล การตรวจสอบวัตถุพยานต่าง ๆ รวมถึงภาพเหตุการณ์ที่บันทึกไว้จากกล้อง CCTV ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1. จุดที่ตรวจพบปืนอัดลมหรือบีบีกัน อยู่ห่างจุดที่เกิดระเบิดเป็นระยะไกลจากที่เกิดเหตุ ดังนั้น จุดที่ตรวจพบปืนของเล่นดังกล่าวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นจุดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
2. การสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ หลังจากเกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปถึงพื้นที่ดังกล่าวได้ทันที เนื่องจากถูกกลุ่มการ์ดของ กปปส. กันตัวออกจากพื้นที่ โดยอนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น จนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้
3. จากการสำรวจบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าโอกาสที่ระเบิดจะถูกโยนจากอาคารโดยรอบ มายังจุดระเบิดเป็นไปได้ยาก ทั้งนี้ พบว่าหากโยนจากหลังอาคารดังกล่าวจริง โอกาสที่จะระเบิดโดนสิ่งกีดขวางต่าง ๆ มีศูนย์ เพราะวิถีของระเบิดที่มาจากที่สูงจะมีต้นไม้และสายไฟเป็นอุปสรรคขัดขวาง
4. จากการตรวจสอบภาพวิดีโอและกล้อง CCTV และจากภาพวิดีโอที่บันทึกไว้จากสื่อมวลชนขณะเกิดเหตุ ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถยืนยันข้อเท็จจริง และไม่สามารถแต่งเติมได้ เพราะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ปรากฏหลักฐานชัดเจนดังนี้
4.1) บริเวณที่เกิดเหตุระเบิดเป็นพื้นที่ว่าง ดังนั้นการเกิดระเบิด หากมีวัตถุสิ่งใดตกลงมาที่พื้น ย่อมต้องสามารถมองเห็นได้ แต่จากการตรวจสอบภาพวิดีโออย่างละเอียดพบว่าไม่มีวัตถุตกลงมาที่พื้นเลย ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าไม่มีผู้ใดโยนระเบิดลงมาจากที่สูง
4.2) จากการตรวจสอบภาพวิดีโออย่างละเอียด ตรวจพบชายต้องสงสัยสวมหมวกสีขาวเดินเร็วมาจากท้ายขบวน และมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยหลังจากวางระเบิดแล้วตนเองได้หลบเข้าที่กำบัง ซึ่งเป็นตู้เหล็กชุมสายโทรศัพท์ จากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น
4.3) หลังจากเหตุระเบิด ชายคนขับรถปิคอัพได้วิ่งออกจากรถเข้าไปหาชายสวมหมวกขาวที่หลังตู้เหล็กชุมสายโทรศัพท์
4.4) หลังเกิดเหตุระเบิดจากภาพวิดีโอที่ปรากฏ พบว่า มีชายต้องสงสัยทั้งสองคนได้เดินเข้าไปเก็บวัตถุบางอย่างบนพื้นใกล้ ๆ กับจุดที่ระเบิด โดยไม่สนใจคนเก็บที่นอนอยู่รอบ ๆ แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติการครั้งนี้มีการทำงานเป็นทีม
“ฉะนั้น จากที่ได้รายงานมาทั้งหมดจึงแสดงให้เห็นว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการกระทำของกลุ่มที่เดินทางร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุดต่อไป” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล่าว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานมาทั้งหมด รัฐบาลขอยืนยันว่า เหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัดทองเป็นการสร้างเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อให้เกิดความรุนแรงโดยมีเป้าหมายคือ ทำให้พี่น้องประชาชนคนบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่เป็นการมุ่งร้ายต่อแกนนำอย่างที่มีความพยายามสร้างเรื่อง และบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งพื้นที่เหตุการณ์และห้วงเวลาขณะที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากแกนนำกลุ่ม กปปส. ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เห็นได้ว่ามีความพยายามที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์และตรวจเก็บข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ ได้ ก็แสดงให้เห็นได้ว่ามีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่ร่วมในการชุมนุม พยายามสร้างสถานการณ์เพื่อกล่าวหาใส่ร้ายต่อรัฐบาล รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอประณามการกระทำของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้