วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

ศรส.เตรียมเข้าเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดล้อม เพื่อขอความร่วมมือเปิดทางให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการ

ศรส. เตรียมส่งคณะเจรจา ศรส. เข้าเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดล้อม เริ่ม 10.00 น. พรุ่งนี้ เพื่อเปิดทางให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการ แจงการปิดล้อมสถานที่ราชการกระทบการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะทำให้ต้องเสียสิทธิตามกฎหมาย ระบุให้กรอบเวลาแกนนำไปพิจารณาภายใน 24 ช.ม. ย้ำเน้นเจรจาโดยละมุนละม่อม ไม่ใช้กำลัง ไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เป็นการขอความร่วมมือ

วันนี้ (26 ม.ค. 57) เวลา 17.05 น. ณ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พลโท ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วย นายณรงค์ ศศิธร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้

พลโท ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า โดยที่ผู้ชุมนุมได้มีการปิดล้อมสถานที่ราชการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริการพี่น้องประชาชน ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (27 ม.ค.57) เวลา 10.00 น. ศรส. จะได้จัดคณะเจรจาเข้าไปขอเจรจาเปิดทางให้พี่น้องประชาชนเข้าไปใช้บริการสถานที่ในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยคณะผู้เจรจาของ ศรส. จะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนไทยทั้งไทยและต่างประเทศ โดยจะมีการพูดคุยกับแกนนำที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นอยู่ ซึ่งมีกรอบเวลาที่ ศรส. จะให้แกนนำกลับไปตกลงใจภายใน 24 ชั่วโมงแล้วกลับมาให้คำตอบซึ่งกันและกัน

นายณรงค์ ศศิธร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวชี้แจงถึงเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชน ในส่วนของข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทบกับการปฏิบัติงานของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะกรมการกงสุล ว่า กรมการกงสุลถือเป็นหน่วยงานหลักของกระทรวงการต่างประเทศในการให้บริการประชาชน ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือการผลิตหนังสือเดินทาง ปัจจุบันระบบการผลิตหนังสือเดินทางระบบหลักของกรมการกงสุลไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมาก จากเดิมสามารถผลิตหนังสือเดินทางให้กับประชาชนทั้งที่อยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และต่างประเทศ วันละ 6,500 เล่ม ปัจจุบันจำเป็นต้องใช้ระบบสำรองที่สามารถผลิตได้เพียงวันละ 2,500 เล่ม นอกจากนี้ เมื่อระบบปฏิบัติการหลักไม่สามารถทำได้ก็จะกระทบกับการให้บริการกับประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดและต่างประเทศ เนื่องจากการเชื่อมโยงข้อมูลจากสำนักงานในต่างจังหวัดและต่างประเทศมาที่กรมการกงสุลไม่สามารถทำได้ ซึ่งปัจจุบันขณะนี้มียอดตกค้างของผู้สมัครขอรับการทำหนังสือเดินทางจำนวนนับหลายหมื่นราย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็พยายามแก้ไขปัญหาเท่าที่จะสามารถทำได้ เช่น การขยายเวลาการให้บริการประชาชนที่มากขึ้นในแต่ละวัน รวมถึงการให้การบริการในช่วงวันหยุดด้วย แต่ก็สามารถทำได้จำนวนจำกัดเท่านั้น

ด้าน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีหน่วยบริการที่อยู่ในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชาชนเท่านั้น โดยจะเห็นว่า กปปส. ไม่ได้ปิดหน่วยงานของศาล แต่มีหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมที่ทำงานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับศาลที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และทำให้ประชาชนต้องหมดสิทธิ์ในเรื่องต่าง ๆ มากมายตามกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องอายุความ เช่น หน่วยบริการประชาชนส่วนหน้าของกรมบังคับคดี ไม่สามารถตรวจรับคำร้องชำระหนี้ได้ และในคดีล้มละลายก็ไม่สามารถดำเนินการตามนัดได้ และไม่สามารถจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้กับลูกหนี้ในคดีล้มละลายได้ ส่วนสำนวนคดีความที่ต้องเกี่ยวกับการดำเนินการของศาล ก็ไม่สามารถที่จะนำออกไปดำเนินการได้ และคู่ความไม่สามารถยื่นคำร้อง ยื่นคำรับชำระหนี้ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการกำหนดขายทอดตลาดในส่วนที่เกี่ยวข้องก็ไม่สามารถดำเนินการได้ และอีกส่วนหนึ่งคือกรณีที่ลูกหนี้มีความจำเป็นต้องเดินทางนอกราชอาณาจักร ก็ไม่สามารถยื่นคำร้องได้

นายธวัชชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในส่วนของกรณีคดีแพ่ง ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพราะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลในเรื่องการยึดอายัด ชำระราคาค่าทรัพย์ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ด้านในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในเรื่องของกองทุนยุติธรรม ที่ชาวบ้านจะมาขอเงินในเรื่องของการประกันตัว ค่าทนายความ เรื่องการพิสูจน์สิทธิ เรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งมีเงื่อนเวลาตามกฎหมาย ก็ไม่สามารถมาใช้บริการได้ รวมทั้งในส่วนของการช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีอาญา ซึ่งจะต้องยื่นคำร้องตามกฎหมายภายในระยะเวลา 1 ปี ก็ไม่สามารถยื่นได้ทำตามกำหนดเวลาได้ จึงทำให้เสียสิทธิ ขณะที่ในส่วนของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ก็มีปัญหาในเรื่องของวัตถุพยานและการออกรายงานที่ไม่สามารถออกรายงานพิสูจน์ต่าง ๆ แก่หน่วยงานราชการและศาลที่เกี่ยวข้องได้ โดยทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่กระทรวงยุติธรรมจำเป็นต้องขอกลับเข้าไปปฏิบัติราชการเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริการประชาชน

ด้าน ร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ประชาชนรับทราบตารางกำหนดการเจรจาขอคืนสถานที่ราชการของชุดเจรจา ศรส. ตลอดสัปดาห์หน้า ดังนี้ วันจันทร์ 27 ม.ค.57 เวลา 10.00 น. ชุดเจรจาจะไปขอคืนสถานที่ราชการบริเวณพื้นที่ถนนแจ้งวัฒนะ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานต่าง ๆ ในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ จากนั้น เวลา 14.00 น. จะไปขอคืนสถานที่ราชการของส่วนราชการที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เช่น ส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น วันอังคาร 28 ม.ค. 57 เวลา 10.00 น. จะไปขอคืนสถานที่ราชการในพื้นที่ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน เช่น ส่วนราชการสังกัดกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร กรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น วันพุธ 29 ม.ค.57 เวลา 10.00 น. จะไปขอคืนสถานที่ราชการของหน่วยราชการที่ตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามกับโรงพยาบาลรามาธิบดี เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น วันศุกร์ 31 ม.ค.57 เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปขอคืนสถานที่ราชการที่ตั้งอยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน และพื้นที่สะพานพระราม 8

“จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดสบายใจว่าชีวิตของท่านจะกลับคืนสู่ความปกติ เนื่องจาก ศรส. มีแผนการณ์ที่ชัดเจนในการที่จะคืนความสุขให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ โดยที่นโยบายในการขอคืนส่วนราชการต่าง ๆ จะเน้นการเจรจาโดยละมุนละม่อม ไม่ใช้กำลัง ไม่ใช่เรื่องของการสลายการชุมนุม แต่เป็นเรื่องของการขอความร่วมมือ” ร้อยโทหญิง สุณิสา กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น