การแถลงข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 11.00 น.)
ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้แถลง: พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย / พ.ต.อ.หญิงวิชญ์ยากร ณิชาบวร
พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย : สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอรายงานผลการปฏิบัติและผลการประชุมของหน่วยต่างๆของกองกำลังของ ศรส. ประจำวันนี้ดังต่อไปนี้ ในส่วนของฝ่ายข่าวได้รายงานในส่วนของการชุมนุมนั้น ยังเป็นการชุมนุมตามปกติของแต่ละเวที ประกอบด้วยในเวทีของกลุ่ม กปปส. เดิมที่มีการค้างแรมอยู่ในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยบริเวณประตู3,4 ทำเนียบรัฐบาลและเวทีที่แยก จปร. ผ่านฟ้า ส่วนเวทีใหม่ 5 เวทีหลัก ยังประกอบด้วยที่แจ้งวัฒนะ แยกปทุมวัน ราชประสงค์ ศาลาแดง และแยกอโศก ส่วนสถานที่ราชการที่ยังถูกปิดอยู่ ประกอบด้วย บริเวณทำเนียบรัฐบาล ศูนย์ราชการ กระทรวงพลังงาน กรมการขนส่งทางบก กระทรวงมหาดไทย และบริเวณสะพานไทย-ญี่ปุ่น และไทย-เบลเยี่ยม ส่วนสถานที่ราชการอื่นๆนั้น สามารถปฏิบัติราชการได้ตามปกติแล้ว
ส่วนเวทีคู่ขนานตามต่างจังหวัดนั้น ยังมีบ้างบางส่วน สำหรับผลการตั้งด่านจุดตรวจค้นในพื้นที่ต่างๆนั้น ยังมีเหตุที่น่าสนใจในการจับกุมอาวุธต่างๆได้ ทั้งอาวุธปืนและอาวุธมีด ประกอบด้วย เมื่อวานได้มีการจับกุมอาวุธปืน จำนวนทั้งสิ้น 3 กระบอก กระสุนปืนจำนวน 91 นัด เป็นอาวุธมีด 2 เล่ม วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง กัญชา 1 ถุง และโคเคน 7.25 กรัม ได้ผู้ต้องหาจำนวน 5 คน สำหรับคดีที่น่าสนใจนั้น ณ.บริเวณจุดสกัดมหานคร เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลาประมาณ 22.15 น.จุดตรวจความมั่นคงแยกมหานคร แขวงสุวินทวงศ์ เขตลำผักชี กรุงเทพมหานคร ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตั้งจุดตรวจนั้น นายเชาว์ เกิดมงคล อายุ 48 ปี ได้ขับขี่รถยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีบรอนซ์-ทอง ทะเบียนจังหวัดอุบลราชธานี ผ่านมามีพิรุธ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจนั้นตรวจค้นปรากฏว่าได้พบอาวุธปืน ถึง 2 กระบอก ประกอบด้วย อาวุธปืนลูกโม่ยี่ห้อสวิสแอนด์เวสสัน ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนอยู่ในลำเพลิงพร้อมยิง จำนวน 7 นัด และพบอาวุธปืน ยี่ห้อลูเกอร์ ขนาด 9 มม อีก 1 กระบอก กระสุนอยู่ในแมกกาซีนจำนวน 13 นัด มีกระสุน .357 อยู่ในซองอีก จำนวน 29 นัด และมีเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. บรรจุอยู่ในกล่องบรรจุกระสุนปืนอีก 37 นัด ทั้งหมดจากการสอบสวนนั้น เจ้าตัวอ้างว่าเป็นอาสาสมัครทหารพรานพร้อมมีบัตรประจำตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่านำใช้เพื่อการประโยชน์ ใด เกี่ยวข้องกับการชุมนุมอย่างใดหรือไม่ พนักงานสอบสวนนำส่ง สน.ลำผักชีดำเนินคดี และจะมีการดำเนินการขยายผลต่อ
อีกกรณีที่น่าสนใจบริเวณจุดตรวจ ตึกชาญอิสระทาวเว่อร์ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง ด่านตรวจค้นเมื่อเวลาประมาณตี 3.40 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจอยู่นั้น นายอนุวัฒน์ พรหมโชค อายุ 34 ปี ได้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อมาสด้า 3 สีเทา หมายเลขทะเบียน 2กย- 5014 ผ่านมาตรวจค้นพบ อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อสวิสแอนด์เวสสัน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนจำนวน 5 นัด บรรจุอยู่ในลูกโม่ ดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง และพกพาอาวุธปืน พร้อมทั้งผิดตาม พรก.ฉุกเฉินด้วย นำส่ง สน.มักกะสัน ปรากฏตามภาพฉายบนจอ ในกรณีดังกล่าวนั้นยังมีการพบอยู่เรื่อยๆในทุกคืน ซึ่งในกรณีดังกล่าวจะเป็นการลดความรุนแรงในกรณีการใช้อาวุธในการทำร้ายซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามในเวลาประมาณ 20.35น. ณ. บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ได้มีเหตุการ์ด ของ คปท. ได้ทะเลาะกันเอง ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ชื่อนายสรพงษ์ ผาสุก อายุ 39 ปี เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ. รามาฯ จากการสอบสวนเบื้องต้น หัวหน้าการ์ดได้ยอมรับว่าเป็นการทะเลาะกัน ระหว่างกลุ่มการ์ดด้วยกันเอง ขณะนี้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้ไปทำการสอบปากคำนายสรพงษ์ ฯ ไว้เรียบร้อยแล้ว และได้ดำเนินการสอบสวนที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาต่อไป
ทราบว่าขณะนี้นั้นมีหลายกรณีที่เกิดขึ้นตลอดอย่างต่อเนื่องในการทะเลาะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาทำหน้าที่เป็นการ์ด แล้วมีการกระทบกระทั้งกันถึงการใช้อาวุธ ก็อยากฝากเตือนให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างเมื่อการพบว่ามีการใช้อาวุธมาทำร้ายกันและกันด้วย ล่าสุดข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้ง ข้อมูลล่าสุดของฝ่ายกฎหมายได้ชี้แจงในวันนี้ คดีความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วยคดีเกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ในวันนี้วันที่ 12 ก.พ.2557 จำนวน 150 คดี คดีที่เกี่ยวกับการแจ้งความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 106คดี ส่วนคดีของเรื่องที่เกี่ยวกับไปใช้สิทธิแล้วฉีกบัตรนั้นจำนวน 11 คดี คดีอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คดีจำหน่ายสุราหรือคดีทำร้ายร่างกายต่างๆ เหล่านั้นอีกจำนวน 22 คดี รวมคดีที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งประเทศนั้น 289 คดี พื้นที่ที่มีการแจ้งความดำเนินคดีต่างๆ เหล่านี้มากที่สุดเป็นตำรวจภูธรภาค 7 มีจำนวนทั้งสิ้น 106 คดี รองลงมาพื้นที่ตำรวจนครบาลทั้งหมด 61 คดี ส่วนที่น่าสนใจคดีที่ศาลได้ออกหมายจับเกี่ยวกับความผิดที่เกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้งนั้นมีอยู่ใน 2 พื้นที่ คือในพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวน 12 คดี และที่ตำรวจภูธรภาค 7 อีกจำนวน 33 คดี ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้นยังน่าสนใจจำนวน 2 คดีอยู่ที่ สน.ทุ่งสองห้อง กรณีที่ศาลได้ออกหมายจับพุทธอิสระฯ กรรีขัดขวางการเลือกตั้ง รวมทั้งที่ สน.พหลโยธิน กรณีที่นายอิสระ สมชัย ซึ่งทั้งสองเป็นแกนนำของ กปปส.
ถูกศาลออกหมายจับเช่นเดียวกันในคดีความผิดในการขัดขวางการเลือกตั้ง ในส่วนแรกเรื่องผลการจับกุม การตั้งด่านจุดตรวจค้นต่างๆ ของเมื่อคืนเป็นไปตามที่นำเรียน ต่อไปรองโฆษกฯ จะชี้แจงเรื่องหนังสือสั่งการ เรื่องวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบ
พ.ต.อ.หญิงวิชญ์ยากร ณิชาบวร : ต่อไปก่อนที่จะเข้ามาตรการขอเริ่มรายงานสถิติเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชน ตั้งแต่มีการชุมนุมจนถึงปัจจุบันยอดบาดเจ็บมีจำนวนทั้งสิ้น 289 นาย จำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 8 นาย มีเสียชีวิต 2 นาย นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าตำรวจถูกกลุ่มผู้ชุมนุมทำร้าย 26 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 นาย ยังนอนพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจตามที่ได้แจ้งไปแล้วเมื่อวาน คือ
ร.ต.ต.สมคิดฯ และ ด.ต.วัชรพงศ์ฯ ต่อไปเป็นมาตรการวันที่ 14 ก.พ. 2557 นี้ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 เป็นวันมาฆบูชา ตามที่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เคยกำหนดวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ยกเว้นการขายในโรงแรมซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม มาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกก็มี 3ข้อใหญ่
1) ให้สถานีตำรวจประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานบริการ ผู้ประกอบการร้านค้า งดจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่เวลา 00.01-24.00 น. หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 39
พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) ให้ตำรวจตั้งจุดตรวจจุดสกัดและจุดวัดแอลกอฮอล์บนถนนสายหลักหากพบการกระทำความผิดเมาและขับหรือว่าพบแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายที่กำหนดในสืบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดจำหน่ายให้กับผู้ที่ขับขี่
3) เรื่องการประสานเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมจับกุมผู้กระทำความผิด
นอกจากนี้วันที่ 14 ก.พ.2557 ยังเป็นวันวาเลนไทน์ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นห่วงเด็กและเยาวชนจึงได้ออกมาตรการต่างๆ 3 ประเด็น ดังนี้
- ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดสายตรวจในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ล่อแหลมการเกิดอาชญากรรม และการคุกคามทางเพศต่อเด็กและเยาวชน อย่างเช่น สถานบริการบันเทิง โรงแรมาม่านรูด สวนสาธารณะ และแหล่งมั่วสุมอื่นๆ อย่างเช่น ร้านเกมส์
- ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจการให้บริการของสถานบริการบันเทิงต่างๆ ให้เปิดตามกฎหมาย และก็ให้เน้นเรื่องกฎหมายสถานบริการและกฎหมายคุมครองเด็ก
- ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเบาะแสการเกิดอาชญากรรม หรือมีการคุกคามต่อเด็กและเยาวชนกรุณาแจ้งมาได้ที่เบอร์ 1599 หรือ 191
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย : เรื่องสุดท้ายอยากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบถึง ขณะนี้เริ่มมีการนำสิ่งที่ดูเหมือนๆ ว่าไม่ใช่อาวุธ ถือกันทั่วไปก็เมื่อวานมีการจับกุมได้ ผบ.ตร.ได้สั่งให้มีการขยายผลตรวจสอบเรื่องดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวานที่ด่านบริเวณ ณ ถ.อังรีดูนัง จับกุม
นายสุวิทย์ นาเมืองรักษ์ และก็นายอำนาจ โสภา โดยได้ของกลางเป็นท่อนเหล็กสีดำ ปรากฏว่าท่อนเหล็กสีดำดังกล่าวนั้น เมื่อนำมาถอดออกแล้วก็สามารถบรรจุกระสุนลูกซองเบอร์ 12 มม. ประกอบเป็นท่อนเหล็ก ส่วนท้ายมีเข็มแทงฉนวนสามรรถใช้ยิงได้เป็นอาวุธทั่วไป น่ากลัวมาก เพราะว่าถ้าถือผ่านไปผ่านมาก็นึกว่าถือท่อนเหล็กธรรมดา หรือบางทีถือเป็นประกอบด้ามธง ปรากฏว่าเมื่อวานกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้ทำการสอบสวนขยายผลแล้วก็ให้นายสุวิทย์ฯและนายอำนาจฯ นั้นทดลองว่าทำอย่างไร ภาพต่อไปจะเห็นภาพเข็มแทงฉนวน ภาพการประกอบอาวุธปืนเริ่มจากการบรรจุกระสุนปืนท่อนกลางก่อน และก็นำมาประกอบกับท่อนเหล็กด้านหลังที่มีเข็มแทงฉนวน แล้วกระแทกลักษณะเหมือนปืนฉีดน้ำตอนสงกรานต์ตรงนี้น่ากลัวมาก ปรากฏว่าตำรวจนครบาล 6 เมื่อคืนได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อ ปรากฏว่านายสุวิทย์ฯ และนายอำนาจฯ ให้การว่าดังนี้
นายสุวิทย์ฯ ให้การว่าเป็นการ์ด กปปส.อยู่ที่เวทีสวนลุมพินี อาชีพเดิมทำหน้าที่ส่งกางเกงยีนส์อยู่บริเวณตลาดโบ้เบ้ มาเป็นการ์ดได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่มีการชุมนุมบริเวณรอบสถานีรถไฟสามเสน หัวหน้าการ์ดนั้นอยู่ในทีมของนายป้อมฯ และนายใหม่ฯ ไม่ทราบนามสกุล ได้รับเครื่องอาวุธปืนดังกล่าว อาวุธไทยประดิษฐ์นั้น พร้อมกระสุน 4 นัดประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว โดยหัวหน้าชุดดังกล่าว เมื่อได้เข้าการเวรเป็นการ์ดแล้วเมื่อออกเวรผลัดต่อไปก็ส่งมอบให้คนถัดไป แต่นายสุวิทย์ฯ ให้การว่าการ์ดบางคนก็มีอาวุธปืนส่วนตัวด้วย สำหรับการยิงนั้นนายสุวิทย์ฯให้การว่าไม่เคยทดลองยิง สำหรับวิทยุสื่อสารนั้นเป็นของตัวเองไปซื้อเถื่อนมาจากคลองถมราคา 1,200 บาท และใช้ความถี่ 154.600 ในการติดต่อสื่อสาร กลุ่มของนายสุวิทย์ฯ นั้น ใช้ว่ากลุ่มช้างเถื่อน จะมีจำนวนคนไม่น้อยประมาณเกือบ 200 คน ประกอบกันทั้งเป็นการ์ดหลัก และการ์ดอาสา ตัวนายสุวิทย์ฯกับพวกบางส่วนจะพักอาศัยภายในสวนลุมพินี จะทำหน้าที่ครั้งละ 8 ชั่วโมง ได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท ตัวนายสุวิทย์ฯ เองรับผิดชอบประตู 1 ส่วนนายอำนาจฯ บอกว่ามารับจ้างเป็นการ์ดประมาณ 4-5 เดือนแล้วตั้งแต่บริเวณสถานีรถไฟสามเสน ได้รับค่าจ้างประมาณ 500 บาท พักค้างคืนอยู่บริเวณเต็นท์การ์ดสวนลุมพินี ใช้ความถี่วิทยุเดียวกัน 154.600 และในสวนลุมพินีก็จะมีการ์ดอยู่ประมาณ 200 กว่าคนที่พักและกระจายไปทำหน้าที่อื่นๆในสถานที่ต่างๆ
สำหรับตัวเองนายอำนาจฯ นั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งตามประวัติทั้ง 2 รายนั้น ยังไม่พบการกระทำความผิด อันนี้เป็นสิ่งที่ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และกองบัญชาการนครบาลได้รายงานให้ที่ประชุมกองกำลัง ศรส.ได้รับทราบ และได้แจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็ว เจ้าหน้าที่สายตรวจ รวมทั้งกองร้องควบคุมฝูงชนได้รับทราบถึงข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าเรื่องของอาวุธ เรื่องการประกอบกำลังและเรื่องการรับจ้างต่างๆ ของการ์ดเหล่านี้ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ด้วย
วันนี้ได้มีการแจ้งเตือนไปยังทุกหน่วย สำหรับการเร่งรัดคดีนั้นขณะนี้ตั้งแต่เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินคดีทั้งหมดนั้น ได้เรียกพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องคดีเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการถูกทำร้าย ตำรวจเป็นผู้เสียหายนับแต่ต้นที่มีการชุมนุมนั้นให้มาตรวจสอบเรื่องสำนวนต่างๆ ทราบว่าเวลา 12.00 น.คงจะเรียบร้อยตรวจสอบความคืบหน้า และวันนี้เช่นเดียวกันเวลา
14.00 น. ผบ.ตร.จะเป็นประธานการประชุมตรวจความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับการระเบิดในบ้านบุคคลสำคัญ หรือคดีเหตุเกิดที่บรรทัดทอง หรือว่าที่อนุสาวรีย์ชัยฯ หรือที่วัดศรีเอี่ยม รวมทั้งที่หลักสี่ด้วย อันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าและ ผบ.ตร.ให้ความสำคัญในเรื่องคดีต่างๆ ดังกล่าว เพื่อที่จะเร่งรัดการจับกุมติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็วต่อไป วันนี้ขออนุญาตสรุปและผลการเร่งรัดติดตามดำเนินคดีรวมทั้งการจับกุมของหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น