ศรส. ชี้แจงแกนนำ กปปส.กับพวกรวม 58 คนทำผิดข้อหาฉกรรจ์ เมื่อควบคุมตัวได้จะดำเนินการข้อหาหนัก เตือนประชาชนให้ยุติดำเนินการใด ๆ กับแกนนำ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีอายุความ 10 ปี เผยออกหนังสือสำคัญ 3 ฉบับแจ้งข้อมูลการกระทำผิดกลุ่มแกนนำ กปปส. และออกคำสั่งเตือนกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงเพิ่มเป็น 136 รายชื่อ
วันนี้ (6 ก.พ.57) เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในฐานะกรรมการ ศรส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศรส. ประจำวัน ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผอ.ศรส. เป็นประธานการประชุม โดยมีมติที่สำคัญ ดังนี้
1. ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับเพื่อการจับกุมและควบคุมตัวแกนนำ กปปส. อันได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก รวม 19 คน โดยเป็นหมาย ฉ. ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทั้งนี้ การดำเนินการขอหมายจับดังกล่าวเป็นการขอในนามของ ศรส. โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ของ ศรส. จะได้เข้าดำเนินการจับกุม และเมื่อจับกุมได้แล้วจะต้องนำไปควบคุม ณ สถานที่อันมิใช่เรือนจำ ซึ่งได้แก่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี เป็นเวลาไม่เกิน 7 วัน หากครบกำหนดให้ขอศาลขยายเวลาควบคุมได้อีกครั้งละ 7 วัน แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน หลังจากนั้นก็จะมีการขอศาลควบคุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป
ศรส. ขอชี้แจงว่า บุคคลทั้ง 19 คน และรวมถึงที่จะได้ยื่นขออนุญาตศาลจับอีก 39 คน จนครบ 58 คนนั้น ล้วนร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาฉกรรจ์ทั้งสิ้น แต่การที่ ศรส. มุ่งดำเนินคดีตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ก่อนนั้น ก็เพื่อสะดวกในการควบคุมตัวตามที่กฎหมายให้ไว้ 30 วัน จากนั้นจึงจะได้ดำเนินการในข้อหาหนักต่อเนื่องต่อไป จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ยุติการเข้าร่วมทำกิจกรรมใด ๆ กับแกนนำ กปปส. ทันที มิฉะนั้น ศรส. จำเป็นต้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เข้ามีส่วนร่วมกับแกนนำ กปปส. ไม่ว่าเป็นกรณีใด ๆ เช่น สนับสนุนเงินทุน อาหาร ยานพาหนะ อุปกรณ์ เครื่องไฟฟ้า การขึ้นเวที การนำกลุ่มชุมนุม และอื่น ๆ ซึ่งคดีอันมีโทษฉกรรจ์เช่นนี้มีอายุความยาวนานถึง 10 ปี
2. ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่ต้องการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่อาจติดต่อกับทางราชการได้ เพราะ กปปส. ปิดส่วนราชการนั้น บัดนี้ ส่วนราชการต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดทำการตามปกติให้สามารถกลับมาให้บริการพี่น้องประชาชนได้แล้วจำนวนมาก ศรส. ขอขอบคุณข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ที่ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการคุ้มครองดูแลความเรียบร้อยจนสามารถเปิดให้บริการได้ รวมทั้งการเปิดใช้สะพานพระราม 8 ด้วย ที่ ศรส. ได้พยายามเจรจาจนเป็นผลให้สามารถเปิดใช้ได้อีกครั้ง
3. ผู้อำนวยการ ศรส. ได้ออกหนังสือสำคัญ 3 ฉบับ ดังนี้
(1) ฉบับแรก เป็นหนังสือถึงประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม กปปส. ที่ได้กระทำการขัดขวางไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มกราคม และเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์
(2) ฉบับที่สอง เป็นหนังสือถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำผิดของกลุ่มแกนนำ กปปส. และแนวทางการดำเนินการของ ศรส. ที่จะใช้มาตรการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และจะไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของผู้ชุมนุมเป็นอันขาด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งให้สถานทูตและสถานกงสุลต่าง ๆ ได้ทราบทั่วกัน
(3) ฉบับที่สาม เป็นหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำผิดของกลุ่มแกนนำ กปปส. และแนวทางการดำเนินการของ ศรส.
4. ศรส. ได้กำชับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่เข้าขัดขวางการจัดการเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มกราคม และการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดขัดขวางการเลือกตั้งด้วยวิธีใด เช่น ปิดล้อม ปิดกั้นการขนบัตรเลือกตั้ง ปิดล้อมกีดกันไม่ให้ผู้จะใช้สิทธิเลือกตั้งเข้าหน่วยเลือกตั้ง สั่งปิดการลงคะแนนโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และจงใจละทิ้งการทำหน้าที่ ด้วยการลาออกกระทันหัน เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกราย เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อการจัดการเลือกตั้งในครั้งต่อไป
5. การดำเนินคดีกับกลุ่มทุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงนั้น ศรส. ขอแจ้งเตือนให้ผู้กระทำผิดหรือที่คิดจะกระทำผิดหยุดยั้งทันที และรายชื่อ 120 รายชื่อที่จะออกคำสั่งนั้น ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 136 รายชื่อ มีที่มาจาก 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน รายชื่อตามทางการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 30 คน และที่เหลือเป็นรายชื่อตามทางการสืบสวนของตำรวจสันติบาลอีก 48 คน ซึ่ง ศรส. จะออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรม แล้วเรียกเข้าชี้แจง หากชี้แจงไม่ได้จะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อไป
อนึ่ง ศรส. ได้รับแจ้งว่าขณะนี้มีกลุ่มบุคคลออกทำการชักชวนให้พี่น้องในภาคใต้ช่วยกันออกเงินสมทบการชุมนุมของ กปปส. บางรายถึงกับทำเป็นหนังสือ เช่น กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้บริหารครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ที่ทำหนังสือเชิงบังคับให้ครูตามโรงเรียนต่าง ๆ ร่วมกันให้เงินสนับสนุน กปปส. เป็นต้น ซึ่ง ศรส.จะตรวจสอบแล้วดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น