ศรส. เตรียมออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรมบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ท่อน้ำเลี้ยงแกนนำ กปปส.-สั่งให้เข้าชี้แจงกลุ่มแรก 120 รายชื่อ ระบุขีดเส้น 15.00 น. วันนี้ขอคืนพื้นที่ ก.มหาดไทยจากแกนนำ ชี้หากเจรจาไม่เป็นผลใช้มาตรการจับกุม แจงผลสอบสวนบุคคลต่างด้าวสาธิต เซกัล มีข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งเนรเทศตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันนี้ (5 ก.พ.57) เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในฐานะกรรมการ ศรส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศรส. ประจำวันซึ่งมีมติที่สำคัญ ดังนี้
1. กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค ได้รายงานความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนกรณีแกนนำ กปปส. และกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำผิดโดยการขัดขวางการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในกรุงเทพมหานครจำนวน 24 คดี และในภูมิภาคต่างจังหวัดจำนวน 9 คดี ซึ่ง ศรส. ได้เร่งรัดให้ดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไปโดยเฉพาะจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้มีการกระทำผิดในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีก
2. ผู้อำนวยการ กกต. ประจำกรุงเทพมหานคร ได้เข้าชี้แจงกับ ศรส. ถึงเหตุการณ์ขัดขวางการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการที่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งบางคนสั่งปิดการเลือกตั้งโดยเร็ว และมีเหตุผลไม่เพียงพอ การลาออกของเจ้าหน้าที่โดยกะทันหันจนไม่อาจหาผู้ทำหน้าที่ทดแทนได้ ซึ่ง ศรส. จะได้มอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร สอบสวนดำเนินคดีโดยเด็ดขาดต่อไป
3. เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ชี้แจงผลการดำเนินการเพื่อสั่งระงับการทำธุรกรรมและดำเนินคดีกับผู้สนับสนุนให้แกนนำ กปปส. กระทำผิดในลักษณะท่อน้ำเลี้ยง ซึ่ง ศรส. ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหลายฝ่ายเข้าสนธิกำลังกันคือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสรรพากร คาดว่าจะสามารถออกคำสั่งของ ศรส. สั่งระงับการทำธุรกรรม และสั่งให้ชี้แจงกลุ่มแรกประมาณ 120 รายชื่อ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในเร็ววันนี้
4. ผู้อำนวยการ ศรส. ได้แต่งตั้งชุดเจรจาเข้าเจรจากับแกนนำ กปปส. เพื่อขอเปิดที่ทำการกระทรวงมหาดไทยเพื่อจะได้ให้บริการประชาชนได้ตามปกติต่อไป และหากการเจรจาไม่เป็นผล ศรส. จะพิจารณาใช้มาตรการเข้าจับกุมเพราะการปิดล้อมดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
5. การชุมนุมของกลุ่มชาวนาและกลุ่มเกษตรกรในขณะนี้ ศรส. พิจารณาแล้วถือเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นกลุ่มที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างจากกลุ่มแกนนำ กปปส. ดังนั้น ศรส. จึงมิได้เข้าเกี่ยวข้องกับกลุ่มชาวนาและเกษตรกร แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหาอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเรียบร้อยได้ในที่สุด
6. สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รายงานว่า ได้ทำการสืบสวนสอบสวนกรณีบุคคลต่างด้าว นายสาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. แล้ว เห็นว่ามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งเนรเทศตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะออกคำสั่งและดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ พล.ต.ต.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 กล่าวเพิ่มเติมถึงการสืบสวนสอบสวนกรณีบุคคลต่างด้าว นายสาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. ว่า จากรายงานการสอบสวนและสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกคือช่วง พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งในส่วนของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน นายสาธิต เป็นแกนนำไปที่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สำหรับกระบวนการสั่งเนรเทศนายสาธิต ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะเริ่มโดยหลังจากการสืบสวนเสร็จแล้วจะส่งเรื่องเข้าคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง เพื่อให้มีความเห็น จากนั้นจะนำเสนอ ผอ.ศรส. เพื่อออกคำสั่งเพิกถอน แล้วจะสามารถผลักดันนายสาธิตออกนอกประเทศตามกฎหมายได้
พร้อมกันนี้ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวเพิ่มเติมถึงการเจรจาขอคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา โดย ผอ.ศรส. ได้ขีดเส้นว่าถ้าถึงเวลา 15.00 น. แล้วการเจรจายังไม่เป็นผล จะเข้าทำการจับกุม แต่เน้นย้ำว่าไม่ใช่เป็นการสลายการชุมนุม เพราะที่กระทรวงมหาดไทยไม่ใช่การชุมนุม เป็นการปิดล้อมสถานที่ราชการ มีการบุกรุกนำโซ่ไปคล้อง ซึ่งเป็นความผิด ดังนั้น จะเป็นการจับกุมผู้กระทำความผิด ซึ่งมีความจำเป็นต้องจับกุมมิฉะนั้นการบังคับใช้กฎหมายจะไม่เป็นผล ศรส. พยายามใช้สันติวิธีมาโดยตลอด ทั้งการเตือน การออกประกาศต่าง ๆ รวมถึงการส่งชุดเจรจา เมื่อทำทุกอย่างแล้วไม่เป็นผล จำเป็นต้องไปสู่มาตรการตามกฎหมาย โดยมาตรการตามกฎหมายในที่นี้เป็นการจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งไม่ได้อยู่ในที่ชุมนุม ไม่ใช่มาตรการสลายการชุมนุมหรือการใช้กำลัง ทุกอย่างมีขอบเขตตามกฎหมายอยู่แล้ว ขอให้ดูตามข้อเท็จจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น