วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
๑. เช้าวันนี้ ศรส.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดที่เป็นแกนนำ กปปส. ทั้งที่ได้ถูกศาลออกหมายจับไว้แล้ว และกลุ่มการ์ดที่กระทำความผิดซึ่งหน้า รวมทั้งปฏิบัติการเพื่อเปิดสถานที่ราชการและถนนสาธารณะด้วย ซึ่งได้กำหนดพื้นที่เข้าดำเนินการ ๕ พื้นที่ ได้แก่
๑) บริเวณทำเนียบรัฐบาล ๒) บริเวณ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ๓) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ๔) กระทรวงพลังงาน และ ๕) กระทรวงมหาดไทย ผลการปฏิบัติการได้รับความสำเร็จแล้ว ๒ พื้นที่ คือ พื้นที่บริเวณกระทรวงพลังงาน สามารถเข้าจับกุมแกนนำ กปปส. ได้ ๒ คน คือ นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล และนายทศพล แก้วทิมา พร้อมการ์ดและผู้ร่วมกระทำผิดอีกจำนวนหนึ่ง รวมเป็นจำนวน ๑๔๔ คน เป็นชาย ๙๖ คน และหญิง ๔๘ คน ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าด้วยการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ ขณะนี้ ผู้ถูกจับกุมทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค ๑ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะได้ทำการสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
อีกพื้นที่หนึ่งคือ บริเวณศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ จากการเจรจาและกดดันต่อเนื่องมาหลายวัน เช้าวันนี้ พระพุทธอิสระ แกนนำสำคัญได้ยอมเปิดพื้นที่ในส่วนที่เป็นถนนแจ้งวัฒนะให้สามารถสัญจรได้ตามปกติ โดยเฉพาะสามารถเปิดทำการศูนย์ราชการได้แล้ว
สำหรับพื้นที่อื่น ๆ อีก ๓ พื้นที่นั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งการเจรจา การลาดตระเวนกดดัน และการใช้ยุทธวิธีต่าง ๆ ซึ่งจะไม่มีการใช้วิธีสลายการชุมนุมอย่างแน่นอน การปฏิบัติการครั้งนี้ ก็เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่กรุงเทพ หรือ Peace for Bangkok นั่นเอง
อนึ่งเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเข้าดำเนินการอย่างละมุนละม่อมโดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง มีการเจรจาเป็นขั้นตอน การปฏิบัติการมีการกระทำอย่างเปิดเผยท่ามกลางสื่อมวลชน แต่กลุ่มผู้กระทำผิดได้ใช้อาวุธร้ายแรงด้วยการยิงอาวุธสงครามเอ็ม ๗๙ และอาวุธปืนจนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงที่ศีรษะ ๑ นาย และบาดเจ็บอีก ๖ นาย ทั้ง ๆ ที่ตำรวจไม่มีการใช้อาวุธเลย
๒. ศรส. เห็นควรแจ้งแนะนำให้ กกต. เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในความผิดที่แกนนำ กปปส. และแนวร่วม กระทำผิดด้วยการฝ่าฝืนและขัดขวางการเลือกตั้งอันเป็นความผิดร้ายแรงตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานต่อ ศรส.ว่า การที่แกนนำ กปปส.และแนวร่วมได้กระทำการต่าง ๆ นานา อันเป็น การขัดขวางการเลือกตั้ง อาทิเช่น การปิดล้อมสถานที่รับสมัคร การปิดล้อมไปรษณีย์สถานที่จ่ายบัตรเลือกตั้ง การกีดกันและขัดขวางไม่ให้ประชาชนเข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ กกต. จำนวนมากจงใจละทิ้งหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ทั้งในระดับสำนักงานเขตและหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งล้วนเป็นความผิดอย่างร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นการกระทำผิดที่ล่วงละเมิดสิทธิของประชาชนโดยตรง ถึงขนาด นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ประณามว่า การกระทำของแกนนำ กปปส. เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ขณะนี้ปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีการขัดขวางการเลือกตั้งแล้วจำนวน ๑๖๐ คดี และคดีประเภทเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่จัดการเลือกตั้ง จำนวน ๑๖๙ คดี รวมทั้งสิ้น ๓๒๙ คดี และศาลได้ออกหมายจับ ให้แล้วจำนวน ๗๘ คน
ศรส.พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปรากฏว่า พนักงานสอบสวนได้เคยร้องขอให้ กกต. เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในฐานะเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเลือกตั้ง จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่จนบัดนี้ กกต. ยังไม่ดำเนินการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด การเพิกเฉยไม่ดำเนินการของ กกต. เช่นนี้ จะเกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดีโดยเฉพาะการป้องปราม มิให้มีการกระทำผิดซ้ำอีกในการจัดการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้ ที่ประชุม ศรส. จึงมีมติให้ผู้อำนวยการ ศรส. มีหนังสือแจ้งแนะนำให้ กกต เข้าแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องดังกล่าว โดยขอให้ดำเนินการเร่งด่วนที่สุด
จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น