วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗


ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

เรื่องที่ ๑ ตามที่ ศอ.รส. ได้แนะนำให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษขยายระยะเวลาให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ ราย ที่ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการขัดขวางการเลือกตั้งและการบุกรุกสถานที่ราชการ ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีตามหมายเรียกภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นการให้โอกาสผู้ต้องหาในอันที่จะแก้ข้อหา และที่จะแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้นั้น บัดนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รับการติดต่อจากผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก ๕ ราย ได้แก่  ๑) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ๒) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ๓) นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ ๔) นายทศพล เพ็งส้ม และ ๕) นายชาญวิทย์ วิภูศิริ โดยจะเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดี ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอแจ้งไปยังผู้ต้องหาที่เหลือให้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งรวมถึงนายถวิล เปลี่ยนศรีด้วย ทั้งนี้เพื่อพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว มิฉะนั้นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความจำเป็นต้องดำเนินการส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป สำหรับผู้ต้องหาที่ต้องการเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ขอให้ติดต่อพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๓-๘๔๑๐ 

เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ คือวันนี้ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้
๑) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๑ คดี  แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ คดี  และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๔๐ คดี  
๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๘๐ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๖ คดี  และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๔ คดี 
รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๗๑ คดี  โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๒๐๒ หมาย  ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๒๓๑ คน  ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง       ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๗๑๓ คน   
ศอ.รส. ขอเรียนว่า การขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี  ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
อนึ่ง จากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์อย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ประมาณ ๑๘.๗ ล้านคน เปรียบเทียบกับจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ มีจำนวนประมาณ ๒๐.๕ ล้านคน 

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน


CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 31/03/2014


March 31, 2014

At 13:00 hrs. Mr.Tharit Pengdit, Director General, Department of Special Investigation, briefed the press on the outcome of the meeting of the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO) earlier in the day, gist as follows:

1. The CAPO has instructed the Special Investigation officers to extend the period for Mr.Suthep Thaugsuban and other 58 People's Democratic Reform Committee (PDRC) to acknowledge the charges regarding the election obstructions and the seizing of government agencies premises and to defend themselves until the end of this week. The Special Investigation officers have been contacted by 5 alleged persons namely Mr.Ong-art Klampaiboon, Mr.Boonyod Sukthinthai, Mrs.Nattaya Benjasiriwan, Mr.Tossapon Pengsom, and Mr.Charnwit Wipusiri that they will surrender to the officers to acknowledge charges on 2 April. The CAPO urged other alleged persons including Mr.Tawil Pliensri to follow the summons as the officers have to transfer reports on the investigations to the Attorney-General later on. The CAPO has assigned Police Major Yutthana Praedam to coordinate in this matter.

2. The CAPO has received a report from the Metropolitan Police and Provincial Police regional commands regarding the legal proceedings against the election obstructions. So far, there are 191 cases involving election obstructions (51 cases in Bangkok and 140 cases in other provinces) and 180 cases involving the failure of electoral officers to perform their duties (66 cases in Bangkok and 114 cases in other provinces). 202 person already faced arrest warrants. 231 person have been brought to justice.
From the senate election that was held on 30 March, unofficial number of voters is 18.7 million. 

ผอ.ศอ.รส.ขอบคุณ กกต.ที่จัดการเลือกตั้ง ส.ว.เรียบร้อย พร้อมขอให้กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.โดยเร็ว


ผอ.ศอ.รส.ขอบคุณ กกต.ที่จัดการเลือกตั้ง ส.ว.เรียบร้อย พร้อมขอให้กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.โดยเร็ว อย่ากลัวคำขู่เลขาธิการ กปปส.ที่ประกาศจะขัดขวางเลือกตั้ง ระบุหาก กตต. กำหนดวันเลือกตั้ง-ร้องขอรัฐบาลให้ดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้ง เชื่อจะผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมมั่นใจไม่มีเหตุปะทะของสองกลุ่มผู้ชุมนุมวันที่ 5 เม.ย.นี้โดยกำลังตำรวจพร้อมดูแลสถานการณ์

วันนี้ (31 มี.ค.57) เวลา 10.25 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์ขอบคุณคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นไปอย่างเรียบร้อย และต้องขอความกรุณา กกต. ต่อว่าให้กำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่าไปกลัวคำขู่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่บอกว่าจะขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะเป็นคำพูดของคนที่ฝักใฝ่เผด็จการ ถ้ากกต. ได้กำหนดวันเลือกตั้งแล้วให้ร้องขอมายังรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หากมีผู้ทำผิดขัดขวางจะจับกุม และเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี

ผอ.ศอ.รส. กล่าวขอถามนายสุเทพถึงกรณีที่เรียกร้องว่าจะมีประธานสภาประชาชนนั้นจะให้ใครเป็นประธานฯ รวมทั้งขอถามถึงนายกฯ ในใจว่าจะเอาใครเป็น ขอให้บอกมา นายสุเทพประกาศบอกว่าจะขัดขวางการเลือกตั้ง ความพ่ายแพ้ก็เกิดกับม็อบ กปปส. แล้ว หน่วยงานด้านการข่าวได้รายงานว่าจำนวนผู้ชุมนุมในวันที่ผ่านมามีไม่เกิน 30,000 คน มีมวลชนอยู่จำนวนครึ่งลานพระบรมรูปทรงม้าด้านหน้า ตนเคยยืนปราศรัยที่ลานพระบรมรูปฯ มาแล้ว รู้ว่าจำนวนคนที่เต็มลานพระบรมรูปทรงม้าจะมี 100,000 คน แต่สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์เก่ง ถ่ายจากข้างบนลงไป คนมีหลวม ๆ แต่แน่นตรงกลาง ส่วนตัวแล้วให้ยอดผู้ชุมสูงสุดอยู่ที่ 47,000 คน แต่หน่วยข่าวบอกว่าให้มากไป เขาให้กันที่ 37,000 คน ซึ่งมากน้อยไม่สำคัญ แต่การที่มาขัดขวางการเลือกตั้งนั้นนายสุเทพทำไม่สำเร็จ และขอให้นายสุเทพอย่าลืมคำพูดของตัวเองที่บอกว่าถ้ามีม็อบคนอื่นมากกว่า นายสุเทพจะยอม ก็ขอให้นายสุเทพเตรียมกลับบ้าน เมื่อคืนนี้ยอดผู้ชุมเหลือที่ 7,000 กว่าคน ถ้าไปนับหลายเที่ยวก็เป็นล้านคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต. ควรจะกำหนดวันเลือกตั้งได้ก่อนวันสงกรานต์หรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า “ผมภาวนา ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าไปแล้ว เมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ว. แล้ว ส.ส. จะไม่เลือกได้อย่างไร ต้องเปิดสภาฯ พวกที่ไปบอกว่าจะให้รักษาการประธาน ส.ว. นำชื่อทูลเกล้าฯ เป็นพวกกินยาผิดซอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 5 เมษายนนี้ กลุ่ม นปช. มีการนัดชุมนุมใหญ่ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ กปปส. นัดประชุมใหญ่ กังวลว่าจะมีเหตุการณ์ปะทะกันหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ยืนยันไม่มีการปะทะ รับปาก เชื่อว่า นปช. มีจำนวนคนมากกว่า กปปส. ตนได้คุยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำ นปช. ทั้งตนได้ให้สัมภาษณ์ไปว่าให้เอาคนมาเยอะ ๆ พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่เป็นแฟนการเมืองที่มาฟังการปราศรัยของตน ถ้า นปช. มาชุมนุม กรุณามาหน่อย รักเฉลิมมาเติมให้เต็ม เพื่อนายสุเทพจะได้รู้สึก และขอให้ไปนับตัวเลขผู้ชุมนุม นปช.ว่ามากกกว่าม็อบ กปปส. 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะม็อบ นปช. เรียกร้องประชาธิปไตย ม็อบ กปปส. ใฝ่เผด็จการ ใครเขาจะเอาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการนำมวลชนของทั้งสองกลุ่มมาวัดพลังกันหรือเปล่า และเข้าข่ายเป็นการปลุกระดมหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ไม่ใช่ นายสุเทพท้า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับ นปช. ไม่ได้ปลุกระดม นปช. แต่ตนยุยงให้เอามา และจะบอกคนรู้จักให้มากัน คนที่รักตนทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ ขอให้มาร่วมกับ นปช. การยุยง หนักกว่าปลุกระดม ให้มาเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ผิด บอกเฉลิมยุยงให้มาแสดงออกกันเยอะ ๆ เพื่อสุเทพจะได้จบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการจำกัดพื้นที่การชุมนุมหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า กปปส. ทำอะไรได้ นปช. ก็ทำได้ แต่ไม่ให้ทะเลาะกัน มีสิทธิ์ไปห้ามเขาได้อย่างไร กปปส. ออกอาละวาดทุกวัน ยึดที่โน่นที่นี่ ทำได้หมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส. เตรียมความพร้อมในการดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมวันที่ 5 เมษายนอย่างไร ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า กำลังตำรวจพร้อม ไม่ได้มีการเตรียมแผนใด เพราะทางคนเสื้อแดงไม่มาทะเลาะด้วยอยู่แล้ว และไม่ไปเคลื่อนขบวนไปปิดสถานที่ราชการ นปช.ชุมนุมมีวินัย ไม่เหมือนนายสุเทพ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส. ห่วงมือที่สามที่จะเข้ามาแทรกระหว่างผู้ชุมนุมสองกลุ่มหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ห่วงทำไมจะไม่ห่วง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย วิจารณ์ม็อบ กปปส. วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังมีคนไปยิงโรงแรมของนายชูวิทย์เสียหาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการดูแลการชุมนุมของทั้งสองกลุ่ม นายกรัฐมนตรีได้กำชับอะไรหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า นายกฯ น่าเคารพ เวลาที่นายกฯ มอบหมายงานอะไรให้ตนแล้วนายกฯ ไม่เคยถาม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการประเมินตัวเลขจำนวนผู้ชุมนุม นปช. ในวันที่ 5 เมษายนนี้ไว้อย่างไร ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ถ้าเติมแฟนการเมืองของตนเข้าไปด้วยก็จะเยอะ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้จำนวนเพราะอีกหลายวัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความห่วงใยนายกรัฐมนตรีในกรณี ป.ป.ช. จะชี้มูลเรื่องโครงการจำนำข้าวหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ไม่ห่วง ถ้าจัดการเลือกตั้งเมื่อไร นายกฯ ก็ลงอีกเบอร์ 1 เรื่องคดีก็ว่าไป ก็กลับมาเป็นนายกฯ ใหม่ ป.ป.ช. อาจจะสรุปว่าไม่ผิด แต่หากกรณีที่ร้ายแรงที่สุดว่าผิดก็ส่งต่อไปที่อัยการสูงสุด อัยการสูงสุดอาจจะบอกว่าไม่ผิด แต่ถ้าบอกว่าผิด ก็ไปต่อที่ศาลฎีกา นายกฯ ยังเป็นนายกฯ ได้อีก 5 ปี

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 28/03/2014


March 28, 2014

At 13:00 hrs. Police Colonel Kridsana Pattanacharoen, Deputy Spokesperson, the Royal Thai Police, briefed the press on the outcome of the meeting of the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO).

1. Following the CAPO's policy to take legal actions civilly and criminally against any groups that have blockaded the government agencies premises, 35 cases have been brought to the legal process; 32 cases for the People's Democratic Reform Committee (PDRC) and 3 cases for the People's Radio for Democracy Group (PRDG). The CAPO will take legal actions without prejudice against any groups that will blockade the government agencies premises or prevent government officials to perform their duties as it can be seen from the operation last night that 3 persons were arrested under the charge of firing M79 grenades to the office of the National Anti-Corruption Commission (NACC). Officials also found grenades, AKA-47 long rifles, a pistol, a shotgun, and a M79 grenade launcher at the crime scene. The CAPO wished to reaffirm that it is a special body set up to maintain peace and order, to enforce the law, and it is not an opponent to any groups either the PDRC or the United Front for Democracy against Dictatorship (UDD). 

2. The CAPO has received a report from the DSI regarding the legal actions against Mr.Suthep Thaugsuban and other 58 PDRC's leaders. Officials from the Royal Thai Police, the DSI, and the office of the Attorney-General will be working in cooperation in these cases. The Royal Thai Police will transfer relevant information including evidences regarding the election obstructions and the seizing of government agencies premises to the DSI to proceed as special cases.

สรุปผลการประชุม ศอ.รส.เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗


ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

เรื่องที่ ๑ จากนโยบายของ ศอ.รส. ร่วมกับส่วนราชการในการดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญาอย่างจริงจังกับกลุ่มต่างๆ ที่ได้นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่างๆ ศอ.รส. ขอเรียนว่า ขณะนี้การดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่นำมวลชนไปปิดล้อม ปิดกั้น และคุกคามการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๓๕ คดี โดยแยกเป็นคดีของ กปปส. จำนวน ๓๒ คดี เป็นคดีของกลุ่ม กวป. ที่ได้ไปปิดล้อมบริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน ๓ คดี ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอเน้นย้ำว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในความผิดฐานบุกรุกปิดล้อมสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐต่างๆ โดยไม่มีการละเว้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่นใด และ ศอ.รส. ขอร้องกลุ่มมวลชนทุกกลุ่ม ให้งดเว้นการเข้าปิดล้อม ปิดกั้น และคุกคามการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ ศาล และหน่วยงานต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม

อนึ่ง ศอ.รส. เป็นหน่วยงานที่พิเศษที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ศอ.รส.จึงมิใช่คู่ขัดแย้งของกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. กลุ่ม กวป. หรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด และโดยเฉพาะเมื่อแกนนำหรือการ์ดของกลุ่มใดกระทำผิด ศอ.รส. จะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนเข้าดำเนินการระงับยับยั้งเหตุร้ายแรงและจับกุมหรือดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดโดยไม่มีการละเว้นหรือเลือกข้าง ดังเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม ๗๙ เข้าไปที่สำนักงาน ปปช. เมื่อคืนนี้ และการเข้าจับกุมบุคคลต้องสงสัยว่าจะผู้ก่อเหตุร้าย จำนวน ๓ คน พร้อมของกลางระเบิดชนิดขว้าง ๒ ลูก ปืนอาก้า ๑ กระบอก ปืนลูกซอง ๑ กระบอก และปืนสั้นขนาด ๙ มม. ๑ กระบอก และได้ค้นพบและตรวจยึดเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ พร้อมระเบิดชนิดขว้างอีก ๔ ลูกในป่าละเมาะบริเวณที่เกิดเหตุด้วย ซึ่ง ศอ.รส. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาดังกล่าวอย่างรัดกุม รวดเร็ว และเป็นธรรมอย่างที่สุด

เรื่องที่ ๒ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงการดำเนินคดีพิเศษกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ว่า คณะพนักงานสอบสวนอันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุด ต้องนำการกระทำความผิดฐานอื่นที่เป็นการกระทำความผิดหลายเรื่องต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกันกับการกระทำความผิดเดิมที่เป็นคดีพิเศษแล้ว เพื่อดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษเพิ่มอีกด้วย โดยทั้งนี้ ศอ.รส. ได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า นอกจากจะอยู่ระหว่างรวบรวมคดีเกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศแล้ว และจะได้รวบรวมคดีบุกรุกสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. ได้ร่วมกันกระทำผิด ส่งสำนวนคดีมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับดำเนินการต่อในฐานะเป็นคดีพิเศษ เพราะเป็นคดีความผิดที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษเดิมต่อไป

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน

ผอ.ศอ.รส.ย้ำนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง


ผอ.ศอ.รส.ย้ำนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ไม่มีนายกฯ คนกลาง พร้อมเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์-เลขาธิการ กปปส.เข้าสู่เวทีกติกาตามระบอบประชาธิปไตย ชี้ อำนาจอธิปไตยเป็นของคนทั้งชาติ ระบุการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธสามารถทำได้

วันนี้ (28 มี.ค.57) เวลา 10.25 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์กรณีเกิดเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ภายในสำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี ได้รายงานว่ามีการยิงระเบิดเอ็ม 79 2 ลูก เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3-4 คน พบอาวุธปืนอาร์ก้า 1 กระบอก ปืนปากกา 1 ด้าม ปืนลูกซอง และได้ขยายผลพบอาวุธปืนเอ็ม 79 ในบริเวณใกล้เคียงแต่ยังหาผู้ครอบครองไม่ได้ โดยทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย ใครผิดต้องรับโทษ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยเมื่อเกิดเหตุที่ ป.ป.ช. คนก็เพ่งเล็งมายังรัฐบาล เรื่องแบบนี้แกล้งกันได้ง่าย ๆ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นคู่ความอยู่กับ ป.ป.ช.

“ผมอยากเรียนว่าบรรดาผู้ดีรัตนโกสินทร์ ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคนชั้นสูงต้องมีจิตใจสูงด้วย อย่าแสดงตนเป็นคนชั้นสูงแล้วจิตใจต่ำ คุณต้องรักษากติกาประชาธิปไตย คุณมาปลุกระดมกันทำไม ไปเอานายกฯ คนกลาง ไม่มี นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง คุณพยายามสุมหัว รวมหัว สร้างกระแส เหมือนว่าถ้าไม่มีนายกฯ คนกลาง บ้านเมืองจะไปไม่ได้ ถ้ามีนายกฯ คนกลางเมื่อไร แค่รับตำแหน่งจะรู้ว่านรกมีจริง ผมขอถามว่า กปปส. มั่นใจว่ารัฐบาลเพื่อไทยแย่แล้ว ประชาธิปัตย์ก็มั่นใจ แต่ทำไมไม่ยอมลงเลือกตั้ง ถ้าคุณลงเลือกตั้งแล้วเป็นรัฐบาล คุณก็ไปปฏิรูป ผมก็นั่งดูตำราไม่น้อยกว่าพวกช่างพูด คุณจะทำอย่างไร ชี้มูลนายกฯ พักการปฏิบัติหน้าที่ ให้รองนายกฯ สุรพงษ์รักษาการ คุณบอกเอาใหม่แล้ว ไม่ได้ ต้องหมดทั้งคณะ ถ้าหมดทั้งคณะไม่มีรัฐบาล แล้วเอาใครมาเป็นนายกฯ รัฐธรรมนูญเขียนไว้เสร็จว่านายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง ประธานสภาฯ ต้องรับสนองพระบรมราชโองการ ไม่มีทางจะไปเคลื่อนไหวเลย ก็มาสู่เวที มาสู่กติกา มาสู่การเลือกตั้ง และกว่า ป.ป.ช. ชี้มูลเสร็จ คดีก็ยังไม่เสร็จ นายกฯ ก็มีสิทธิลงสมัคร พอ ป.ป.ช. ชี้มูลเสร็จ ต้องไปอัยการต่อ อัยการจะฟ้องหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ กลับมา ป.ป.ช. ถ้าอัยการไม่ฟ้อง ป.ป.ช. จะฟ้องก็ต้องไปศาลฎีกา กี่ปี ให้เลิกคิดเรื่องนายกฯ คนกลาง คุณใฝ่สูงแต่จิตใจอย่าต่ำ รักประชาธิปไตยต้องไปเลือกตั้ง ตายกันตั้งเท่าไรก็เพราะเรียกร้องนายกฯ นอกระบบ บ้านเมืองวันนี้ไปไม่ได้” ผอ.ศอ.รส. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าความพยายามในการที่จะให้มีนายกฯ คนกลางของคนกลุ่มหนึ่งตามที่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวนั้นมองว่าขณะนี้มีความเคลื่อนไหวที่รุนแรงหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า เขาทำทุกทางแต่ไม่สำเร็จ เพราะติดรัฐธรรมนูญ ทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ฉีกรัฐธรรมนูญอย่าไปคิดเลย เสียเวลา ไม่ลงเลือกตั้ง ไม่เอาประชาธิปไตย แต่อยากเป็นใหญ่ในบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวหลายเรื่องทั้งการให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เว้นวรรค หรือการที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. มองว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีสถานภาพเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนอื่นปล่อยข่าว ในพรรคเพื่อไทยนิ่งเป็นหนึ่งเดียว แล้วทำไมต้องเว้นวรรค ชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าลงสมัครแล้วตำรวจจับหรือ พวกปากเสียบอกว่าชินวัตรอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ ก็ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดทำไมจะอยู่ไม่ได้ เรื่องคดีความก็ว่ากันไป และตนมองว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ส่งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ลงเลือกตั้งลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. ไม่เกินครึ่งหนึ่ง พรรคเพื่อไทยก็ยังชนะอยู่แต่จะจัดตั้งรัฐบาลลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส. ในวันพรุ่งนี้ ศอ.รส. ได้เตรียมการดูแลสถานการณ์ความอย่างไร ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความสงบเรียบร้อย ถ้าชุมนุมสงบ ปราศจากอาวุธก็เป็นสิทธิ ตนได้รับรายงานว่ามีการระดมคนจากปักษ์ใต้ประมาณ 7,000 คน และมีมาจากจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งประเมินว่ามีผู้ชุมไม่เกิน 30,000 คน คนกรุงเทพฯ เบื่อ ไม่ชอบนายกฯ คนกลาง เขาชอบนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งเพราะมีโอกาสปรับเปลี่ยน ถ้าไม่ชอบก็ไม่เลือก ตนมองว่าม็อบ กปปส. เป็นม็อบมีเส้นก็คึกคัก ทำอะไรได้หมด แต่ไม่มีอะไร ไม่มีใครเอาด้วยแล้ว เมื่อคืนนี้เหลือยอดผู้ชุมนุม 2,500 คน คนที่ชุมนุมในสวนลุมพินีก็หน้าเดิม ๆ ทั้งนั้น ไม่ได้มีแปลกแหวกแนว ส่วนหากจะเกิดเหตุมือที่สามเกิดขึ้นก็เพราะเขาทำกันเอง ทั้งยังมองว่านายสุเทพไม่มีราคา คนมีราคาต้องไม่ทำอย่างนี้ ต้องเข้าสู่ระบบ มาตามระบอบ แต่ไปเรียกร้องทหาร อำนาจอธิปไตยเป็นของคนทั้งชาติ เรื่องนายกฯ คนกลางจบแล้ว ถ้าใครออกมาพูดตนจะวิจารณ์ ตนยึดพื้นฐานระบอบประชาธิปไตย

“อยากให้ทุกหน่วยงานทำเหมือนกับ ป.ป.ช. คือใครบุกรุกให้แจ้งจับ ร้องศาล แต่หน่วยงานอื่นไม่ค่อยเอา พอม็อบไปก็กลัว ต้องอย่ากลัวแบบ ป.ป.ช. ใครไปบุกรุกให้แจ้งจับ ม็อบมีเส้นทำอะไรได้ทุกอย่าง แล้วบ้านเมืองจะไปได้อย่างไร ถ้าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดม็อบมีเส้นต้องคิดเลิก เพราะตอนนี้เศรษฐกิจหด ท่องเที่ยวไม่มี จะเป็น 1 ใน 10 ของเออีซีที่ยุ่งยากที่สุดเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ามั่นใจว่าคะแนนนิยมดี กลัวอะไรกับการเลือกตั้ง” ผอ.ศอ.รส. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. จะมาพบ ผอ.ศอ.รส. เพื่อสอบถามเรื่องการใช้งบประมาณของ ศรส.-ศอ.รส. โดย ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า “ผมไม่ชี้แจง ผมไม่เคยให้เกียรตินายสมชัย ไปถามเจ้าหน้าที่ได้ว่าผมไม่เคยเบิกสัก 10 สตางค์ ส่วนตัวไม่เคยเลย แล้วผมจะไปชี้แจงเรื่องอะไร ขอให้นายสมชัยพูดให้น้อย จะไม่สับสน คนเป็น กกต. เขาต้องเป็นกลาง ทำตัวอย่างนี้คุณลาออกมาเถอะ กกต. 4 คนก็ทำงานได้ ผมไม่ต้อนรับ ถึงมาผมก็ไม่ร่วมประชุมด้วย เสียเวลา ไม่มีเกียรติพอสำหรับ ผอ.ศอ.รส. ที่จะต้อนรับ ผมเชื่อว่า กกต. อีก 4 คนเขาอึดอัด ต้องเปลี่ยนหน้าที่อย่าให้อยู่ตำแหน่งนี้ คนเป็น กกต. ต้องทำตัวเป็นกลาง ไม่ใช่พล่านไปพล่านมาอย่างนายสมชัยทุกวันนี้ เขาไม่ออกเฟสบุ้กกันหรอก อยู่ตำแหน่ง กกต. มีเกียรติ ทำตัวอย่างนี้ใครจะไปเคารพ ผมเป็นหนึ่งในจำนวนที่ไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติ ไม่สนใจ ถ้าอยากจะมาฟังคนอื่นก็เชิญ เฉลิมไม่มีเวลา"

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 27/03/2014

At 13:00 hrs., the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO) informed the press on the outcome of the meeting of the CAPO earlier in the day, gist as follows:

The CMPO has received a report from the Metropolitan Police and Provincial Police regional commands regarding the legal proceedings against the election obstructions. So far, there are 191 cases involving election obstructions (51 cases in Bangkok and 140 cases in other provinces) and 180 cases involving the failure of electoral officers to perform their duties (66 cases in Bangkok and 114 cases in other provinces). 201 person already faced arrest warrants. 226 person have been brought to justice. 1713 Election Commission officers also failed to perform their duties. For those public officers who failed to perform their duties, the Office of Pubilc Sector Anti-Corruption Commission (PACC) is proceeding with investigation and will bring those public officers concerned into justice.

The CMPO had managed to reopen 67 government offices. The CAPO wished to urge all the parties concerned to stop blockading government officers, as the blockage has resulted in difficulties for public servants to deliver services to the public.

The CAPO wished to reiterate its responsibility as a body to uphold peace and order in Bangkok and the metropolitan area and reaffirmed that it will continue the process of investigation and prosecution against actions those violated the law in various occasions particularly the elections obstructions. The CAPO is of view that the situation could escalate and more conformations may occur. Yesterday, there was a shooting of M79 bomb at Changwattana protest, the CAPO immediately sent combined officers to investigate at the site.

On 20 March, the police officers also arrested two men who were equipped with 2 sniper rifles and 20 bullets, those two men intended to sell these weapons to those who may want to use during the protest. The CAPO has been following the case closely, and urged investigation officers to proceed with further investigations.

สรุปผลการประชุม ศอ.รส.เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

เรื่องที่ ๑ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้

๑) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๑ คดี  แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ คดี  และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๔๐ คดี
๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๘๐ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๖ คดี  และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๔ คดี
รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๗๑ คดี  โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๒๐๑ คน  ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๒๒๖ คน  ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๗๑๓ คน

สำหรับในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่จงใจหลีกเลี่ยงไม่จัดการเลือกตั้งนั้น วันนี้ ศอ.รส. ได้รับการชี้แจงจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐว่า สำนักงาน ป.ป.ท. ได้รับรายละเอียดการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ท. จะได้ดำเนินการเร่งรัดไต่สวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้

เรื่องที่ ๒  ตามนโยบายของ ศอ.รส. ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการที่กลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มอื่นใด ได้นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่างๆ ดังนั้น ศอ.รส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ดำเนินการเปิดสถานที่ราชการต่างๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง ๖๗ แห่งแล้ว ทั้งนี้ ศอ.รส. ขอร้องกลุ่มมวลชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่นใดให้งดเว้นการเข้าปิดล้อม ปิดกั้น และคุกคามการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ ศาล และหน่วยงานต่างๆ เพราะเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะการให้บริการประชาชนของหน่วยงานต่างๆ ก็จะต้องหยุดลง หรือเป็นโดยล่าช้าหรือเสียหาย อันเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยหาได้เกิดประโยชน์กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังมีนโยบายให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับแกนนำกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มอื่นใดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งศาลได้มีการออกหมายจับผู้กระทำผิดแล้วหลายราย และแม้ว่าการเข้าจับกุมผู้กระทำผิดอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันที แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่ละเลย และจะทำการจับกุมดำเนินคดีทันทีเมื่อมีโอกาสอันเหมาะสมว่าจะไม่เกิดการปะทะหรือสูญเสีย ซึ่งความผิดในเรื่องนี้มีอายุความอันยาวนาน

เรื่องที่ ๓ ศอ.รส. เป็นหน่วยงานพิเศษที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในสถานการณ์ที่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายต่างๆ จนอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุร้ายที่มีการใช้อาวุธปืนและระเบิดยิงเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลังมานี้ และเมื่อคืนที่ผ่านมานี้ก็มีเหตุยิงระเบิดเอ็ม ๗๙ เข้าไปในพื้นที่ชุมนุมที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่ง ศอ.รส. ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบเหตุดังกล่าวโดยทันที

อนึ่ง จากการที่ ศอ.รส. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนหาข่าวเพื่อระงับเหตุร้ายต่างๆ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการตรวจค้นและสามารถจับกุมผู้ต้องหา ๒ คนซึ่งพกพาอาวุธปืนยาวสไนเปอร์ (เซกาเซ่) ได้จำนวน ๒ กระบอก พร้อมกระสุน ๒๐ นัด โดยลักลอบนำมาเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า อาวุธปืนดังกล่าวถือเป็นอาวุธร้ายแรงที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นปืนซุ่มยิงเพื่อใช้ในการลอบสังหารได้โดย ศอ.รส. จะได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 26/03/2014

At 13:00 hrs. Mr. Tharit Pengdit, Secretary-General of the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO), briefed the press on the outcome of the meeting of the CAPO earlier in the day, gist as follows:

The CAPO wished to reiterate its responsibility as a body to uphold peace and order in Bangkok and the metropolitan area. Regarding the confrontation and the shooting of M79 bomb at the Anti-Corruption Office on 24 March, the CAPO has been following the case closely, and urged all relevant parties to take further action against those who committed the wrong-doings. Yesterday, the metropolitan police has arrested four men who were allegedly involved with molesting Pra Prad Supavirut, a Buddhist monk.  Preliminary investigations had been conducted on the motive and gesture of the incidence. Pra Prad Supavirut has also testified that he also hit these men with the cane as well.

The CAPO reaffirmed that it will continue the process of investigation and prosecution against actions of members of the People's Democratic Reform Committee (PDRC) that had violated the law in various occasions particularly the elections obstructions. Following the arrest of Mr. Wiwat Yodprasith, known as popcorn gunman, who fired gunshots at Laksi
Intersection, the CAPO would like to confirm evidences suggested Mr. Wiwat committed wrong-doings.

Following the case against Mr. Suthep Thaugsuban, and 58 leaders of PDRC who have violated the law and caused difficulties for the public by instigating the protesters, the CAPO wished to inform that the due date for these individuals to hearing their allegation has been passed. The CAPO had recommended the investigation officers to extend a time period for one week, so these will give opportunity for Mr. Suthep and 58 PDRC leaders to present themselves to and hear their allegations from investigation officers. Otherwise, the investigation officers will be presented to the Attorney General for further actions. a today, Mr. Sathid Phitudecha, one of the 58 PDRC leaders, has presented himself to an investigation officer, to hear his allegation.

สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๗

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

เรื่องที่ ๑ ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ศอ.รส. มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในสถานการณ์ที่เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมิใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่นๆ และทุกครั้งที่เกิดเหตุร้ายขึ้น ศอ.รส. ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบ สืบสวนสอบสวน และระงับยับยั้งเหตุร้ายต่างๆ ทันทีโดยไม่มีการเพิกเฉยหรือละเว้น ดังเช่นเหตุร้ายเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคมที่ผ่านมา ที่เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่ม กปปส. และกลุ่ม กวป. ที่ด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. รวมถึงเหตุยิงระเบิดเอ็ม ๗๙ บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. และสถานที่ใกล้เคียงด้วย ศอ.รส. ได้กำชับและจะติดตามให้มีการสืบสวนสอบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ก็ได้จับกุมผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพระภิกษุสงฆ์ที่บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กวป. บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ ๔ คน ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว และจาการสอบสวนได้ความจากปากคำของพระภิกษุสงฆ์ คือ พระปราชญ์ ศุภวิรุตม์ ได้ให้การรับว่าเป็นฝ่ายเริ่มด่าว่าและลงมือทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนด้วยการขว้างปาขวดและใช้ไม้ตะพดไล่ตี ซึ่งเป็นการให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชน

ส่วนกรณีมือปืนป๊อปคอร์น หรือนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์นั้น ศอ.รส. ได้ตรวจสอบแล้ว ขอยืนยันว่า เป็นผู้ต้องหาที่กระทำผิดจริง การจับกุม สอบสวนและนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจำนวนมากที่ ศอ.รส. เป็นไปโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามด้วย และไม่มีร่องรอยถูกซ้อมใดๆ แต่ครั้นผู้ต้องหาได้พบกับทนายความของ คปท. ผู้ต้องหาก็กลับคำให้การ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมจึงรับสารภาพ ศอ.รส. ขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทำร้ายผู้ต้องหา และไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ต้องหาพบทนายความแล้ว จะให้การอย่างใดๆ ก็ให้การได้โดยไม่มีความผิดแม้จะเป็นความเท็จ เพราะกฎหมายให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีได้เต็มที่ แม้ว่าจะกลับคำให้การใหม่และเป็นความเท็จก็ตาม

อนึ่ง ขณะนี้มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. กลับกลุ่ม นปช. ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนด้วยกันจำนวนมาก และอาจเกิดความรุนแรงจนนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ ศอ.รส.จึงขอร้องแกนนำทั้งสองกลุ่มให้หลีกเลี่ยงการยั่วยุ การเผชิญหน้าในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการนำพามวลชนของแต่ละกลุ่มเข้ามาใกล้กัน ขอให้แกนนำทุกกลุ่มจงตระหนักว่าการะกระทำของท่านจะมีผลเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก และหากเกิดการกระทำผิดกฎหมาย ท่านจะต้องรับผิดต่อกฎหมายอย่างแน่นอน และจะต้องถูกสังคมประนามอย่างรุนแรงด้วย

เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเกี่ยวกับการดำเนินคดีพิเศษกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการขัดขวางการเลือกตั้งว่า ได้ครบกำหนดให้ผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีตามหมายเรียกในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ต้องหาคนใดมาตามหมายเรียก

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการให้โอกาสผู้ต้องหาในอันที่จะแก้ข้อหา และที่จะแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้  ศอ.รส.จึงได้แนะนำคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้โอกาสผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหาให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสัปดาห์หน้า โดยการนัดหมายเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาให้ติดต่อ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๓-๘๔๑๐ เพราะมิฉะนั้นแล้วหากเลยกำหนดระยะเวลาดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความจำเป็นต้องดำเนินการส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป ซึ่งในวันนี้ เวลา ๑๑.๐๐ น. นายสาธิต ปิตุเตชะ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. คนหนึ่ง ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีแล้ว

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
______________________

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

ผอ.ศอ.รส.สั่งการหาตัวคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 พื้นที่นนทบุรี พร้อมเรียกร้องจัดเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า


ผอ.ศอ.รส. สั่งการหาตัวคนร้ายกรณีเหตุระเบิดเอ็ม 79 ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ย้ำดำเนินการโดยเด็ดขาด ระบุไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง พร้อมเรียกร้องให้ กกต.จัดการเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า-ให้เลขาธิการ กปปส.-พรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง ก่อนปฏิรูปการเมือง ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่

วันนี้ (25 มี.ค.57) เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์ กรณีเกิดเหตุระเบิดเอ็ม 79 ลงในพื้นที่ จ.นนทบุรี เมื่อคืนวานนี้ว่า ผู้บังคับการตำรวจและผู้ว่าราชการ จ.นนทบุรีได้รายงานให้ทราบเมื่อเวลา 22.40 น.ที่ผ่านมาว่าคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูกไปตกที่สำนักงาน ป.ป.ช. 1 ลูก ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ลูก และอีก 1 ลูกกำลังค้นหา ซึ่งได้สั่งการให้สืบหาตัวคนร้ายให้ได้ ส่วนจะเชื่อมโยงกับกลุ่มเดียวกันที่เคยก่อเหตุก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น มองว่าวันนี้มีมือที่สาม เพราะพอมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นรัฐบาลก็เดือดร้อน ศอ.รส.ก็นั่งไม่ติด และได้สั่งการไปว่าถ้ารู้ตัวผู้กระทำผิดต้องดำเนินการโดยเด็ดขาด ตนมีหน้าที่ดูแลก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ทั้งกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นในช่วงนี้ ส่วนตัวไม่อยากให้เกิดรุนแรง ไม่อยากให้เผชิญหน้า วันนี้ดีที่ได้ทหารเข้ามาช่วยทำงาน

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่ามีความรู้ความสามารถทุกคน โดยบางคนตนรู้จักและสนิทสนมด้วย ซึ่งอยากขอเรียนฝากด้วยความเคารพว่าอย่าหาทุกข์ใส่ตัวเลย ถ้าเข้ามาเป็นนายกฯ คนกลางจะพบว่านรกมีจริง เริ่มตั้งแต่ประกาศชื่อ ครอบครัวจะเดือดร้อน ไปไหนก็ไม่สะดวก รวมทั้งขอฝากไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายสุเทพโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกคืนว่าพี่น้องประชาชน มวลมหาประชาชนศรัทธา กปปส. ดังนั้น ขอให้นายสุเทพกับพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง เพราะประชาชนศรัทธา ถ้าชนะเลือกตั้งก็เป็นรัฐบาลแล้วปฏิรูปการเมืองตามที่นายสุเทพต้องการ นายสุเทพกล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่าทำผิดโน่นนี่นั่น นายสุเทพเชื่อว่าประชาชนศรัทธา ประชาธิปัตย์ก็ชนะ ถ้านายสุเทพมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างที่นายสุเทพคิด พรรคเพื่อไทยก็แพ้เป็นฝ่ายค้าน แล้วบ้านเมืองสงบ เลือกตั้งเสร็จก็ปฏิรูปการเมือง แล้วยุบสภาฯ อีกครั้งเลือกตั้งใหม่

“ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยไปบีบคั้น ป.ป.ช. ไม่จริง แต่เขาสงสัยว่าคดีคุณอภิสิทธิ์เรื่องข้าว ถูกร้องไม่ถูกสอบ อ้างว่าหลักฐานยังหาไม่พบ ก็รอให้พบแล้วสอบพร้อมกันสิ เรื่องอื่น ๆ ที่ค้างอยู่ก็สอบพร้อมกันสิ คนจะได้ไม่ข้องใจ แต่นี่หยิบฉวย ๆ ๆ เรื่องของพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น คนก็แคลงใจได้ เอาเลยกำนัน มั่นใจคะแนนนิยมดีมาลงเลือกตั้ง” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนอกกำหนด 60 วัน ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า เป็นไปได้เพราะเป็นสิทธิของ กกต. แต่ตนขอเรียกร้องว่าขอให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างรวดเร็ว บ้านเมืองจะได้ไปได้ เพราะจะไปทำอะไรสุดท้ายแล้วก็ทำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กกต. บอกว่าหากพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตไม่ลงเลือกตั้งเป็นรอบที่สอง ก็ไม่เข้าข่ายถูกยุบพรรค ตามกฎหมายแล้วสามารถทำได้หรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ตนไม่สามารถวิเคราะห์พรรคประชาธิปัตย์ได้ พรรคเทวดา ทำอะไรไม่ผิด เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเก็บตำรากฎหมายใส่ตู้หมดแล้ว และขอฝากบอกนายสุเทพที่บอกว่าตนได้ปริญญาเอกปลอมนั้นกรุณาไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 24/03/2014


At 13:00 hrs. Mr. Tharit Pengdit, Secretary-General of the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO), briefed the press on the outcome of the meeting of the CAPO earlier in the day, gist as follows:

1. The Director of CAPO is of view that the besiege of governmental offices have tremendous impacts on the life hood of public servants. He will call for a meeting with permanent secretaries of all ministries this afternoon. The meeting will discuss security measures and solutions relating to prosecuting the PDRC's leaders who besieged government offices. Prosecutions of those who besieged the government offices could base on four guilty pledges, namely invasion, intimidation, damage of property, and violation of the CMPO’s announcement on prohibition of entering or departing the reserved areas.

The CAPO wished to reiterate its continuation of prosecuting those who besieged the government office, which have negative impacts to the society. 

2. The CAPO has received a report from the Metropolitan Police and Provincial Police regional commands regarding the legal proceedings against the election obstructions. So far, there are 194 cases involving election obstructions (51 cases in Bangkok and 143 cases in other provinces) and 178 cases involving the failure of electoral officers to perform their duties (66 cases in Bangkok and 112 cases in other provinces). 201 persons already faced arrest warrants. 

The CAPO reaffirmed that it will continue the process of investigation and prosecution against actions of members of the PDRC that had violated the law in various occasions particularly the elections obstructions. Today, the CAPO has received a report on the case against Mr. Suthep Thaugsuban, and 58 leaders of the People's Democratic Reform Committee (PDRC) who have violated the law and caused difficulties for the public by instigating the protesters. Investigation officers have decided to include their wrong-doing on blocking the election with their previous allegations. The CAPO will follow up with the prosecution on these individual closely and hope this could set an example in preventing any attempt to blockage in the upcoming election.

สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗




ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

​เรื่องที่ ๑  ศอ.รส. พิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันยังคงมีกลุ่ม กปปส. ได้นำมวลชนไปปิดล้อมบุกรุกสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ โดยมีพฤติกรรมคุกคามให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ออกจากสถานที่ทำงาน  ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในช่วงบ่ายวันนี้ ผู้อำนวยการ ศอ.รส. จึงได้เชิญปลัดทุกกระทรวงมาประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. ที่บุกรุกหรือทำให้เสียหายกับสถานที่ราชการ โดยเฉพาะพฤติกรรมการคุกคามให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ออกจากสถานที่ทำงาน ซึ่งกำหนดว่าจะมีการดำเนินคดีใน ๔ ฐานความผิด ได้แก่ ความผิดฐานบุกรุก ความผิดต่อเสรีภาพฐานข่มขืนใจผู้อื่น  ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และความผิดตามประกาศ ศอ.รส. ฉบับที่ ๑/๒๕๕๗ เรื่องห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ ทั้งนี้แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป

​อนึ่ง ศอ.รส. ขอเรียนย้ำว่า ศอ.รส. มีนโยบายในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. หรือกลุ่มอื่นใดที่นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐอย่างจริงจังในทุกกรณี เนื่องจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐล้วนปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนทุกคน การปิดล้อมสถานที่ราชการเช่นนี้จึงก่อให้เกิดผลเสียทั้งต่อประชาชนและชาติบ้านเมือง สมควรที่จะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ล่วงละเมิดกฎหมายดังกล่าวทุกคนและทุกกรณี

​เรื่องที่ ๒ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้

​๑) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๔ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๔๓ คดี
​๒) คดีเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๗๘ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๖ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๑๒ คดี
​รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๗๒ คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๒๐๑ คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๒๐๕ คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๗๑๓ คน

​ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้  โดยในวันนี้ ศอ.รส. ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบดำเนินคดีกับนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวมทั้งสิ้น ๕๘ คน ว่า จะได้นำเอาการกระทำความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งเข้ามารวมกับความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ฐานร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย และฐานร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามที่ได้มีมติกำหนดไว้  เพราะถือว่าความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษดังกล่าว

​อนึ่ง ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี  ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้

​จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
​______________________

ผอ.ศอ.รส.ย้ำบ้านเมืองจะสงบได้ต้องจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย พร้อม ระบุการเสนอนายกฯ คนกลางตาม ม.7 ไม่มีกฎหมายรองรับ


ผอ.ศอ.รส.ระบุการเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ตามมาตรา 7 ไม่มีกฎหมายรองรับ-ขัดรัฐธรรมนูญ ย้ำบ้านเมืองจะสงบได้ต้องจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย คาดหากมีการเลือกตั้งใหม่ เชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะชนะการเลือกตั้งกลับมาจัดตั้งรัฐบาลใหม่

วันนี้ (24 มี.ค.57) เวลา 10.35 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะว่าทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านเมือง แม้กระทั่งสื่อมวลชน ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นตราบาปไปทั้งชีวิต โดยต่อไปถ้ามีการเลือกตั้งได้ทั้งหมด 375 เขตเลือกตั้งที่มีอยู่ เว้นแค่เขตเดียวจัดการเลือกตั้งไม่ได้ ก็จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หากองค์กรอิสระเป็นอย่างนี้ตัดสินอย่างนี้พรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลก็ได้คะแนนนิยมไม่เสียอะไรเลย แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพรรคประชาธิปัตย์สะใจ และ สมมติว่าการเลือกตั้งไม่เป็นโมฆะก็ยังเหลืออีก 28 เขต ไม่มีผลในการเปิดสภาฯ ทั้งนี้ ตนมองว่าใครที่เป็นฝ่ายเสธในเรื่องนี้ถือว่าสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง

ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่าต่อไปสมมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตัดสินชี้มูลความผิดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีข้อกล่าวหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แล้วให้นายกฯ พักการปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.ก็จะไม่สง่างาม เพราะ ป.ป.ช.บางคนไม่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่นายกฯ มาจากการเลือกตั้งและได้รับโปรดเกล้าฯ ป.ป.ช. ก็จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ หากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาทำหน้าที่รักษาการนายกฯ กกต. ก็ต้องมาปรึกษารัฐบาลเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง สมมตินายกฯ ลงเลือกตั้งใหม่ ชนะการเลือกตั้ง ก็จะมีการโหวตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ มาเป็นนายกฯ อีก ป.ป.ช. ไม่ควรเร่งรีบเพราะบางคนไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ คดีอาญามีอายุความ ควรให้คนที่สมบูรณ์แบบมาพิจารณา

“วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญเอาหินทุ่มขาตัวเองเรียบร้อยแล้ว เป็นพระก็ไม่มีใครให้รดน้ำมนต์แล้วเพราะไม่ขลัง ถูกด่าทุกสารทิศ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไปบ้าจี้ตาม พอนายกฯ พักการปฏิบัติหน้าที่สมมติบอกให้ ครม.หยุดทั้งชุด แล้วนายกฯ คนกลางเอามาจากไหน ไปอ่านมาตรา 7 ภาษาไทยไม่ได้มีอะไรบอกไว้ใช้มาตรา 3 อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการก็ชัด จะติดมาตรา 181 นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง และต้องผ่านสภาฯ ส.ว. สรรหาก็อยากจะตั้งนายกฯ มาตรา 7 แต่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่าผู้รับสนองรับพระบรมราชโองการฯ แต่งตั้งนายกฯ ต้องเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายก็จัดให้มีการเลือกตั้ง เลือกตั้งเสร็จจะเอา 6 เดือน หรือ 1 ปี แล้วก็ปฏิรูป วันนี้นายสุเทพบอกว่าต้องปฏิรูปก่อน คุณเป็นคนทำกติกา แล้วคุณมาว่าอะไรผม ประชาชนเขาไม่เอาด้วย ผมวิเคราะห์ฟันธง ถ้าพวกคุณวางแผนกันอย่างนี้ บ้านเมืองไม่มีสงบ เพราะวันนี้ประชาชนเขาลุกขึ้นมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งโมฆะ ใจร้อนไปก้าวหนึ่งเลยเจ๊งทั้งระบบ ไม่คำนึงถึงความรู้สึกประชาชน พระราชกฤษฎีกาบอกว่าต้องกำหนดวันเลือกตั้งวันเดียวกันถูกต้อง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกขัดขวาง โดยช่วงบ่ายวันนี้ ศอ.รส.จะมีรายงานบอกประชาชนให้ทราบหมดว่านายสุเทพมีคดีอะไร ใครขัดขวางการเลือกตั้งอย่างไร กกต.เขตละเว้นการเลือกตั้ง กกต. ใหญ่ถูกแจ้งจับ ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายก็ให้เป็นไปตามครรลอง ขอให้เห็นแก่บ้านเมือง” ผอ.ศอ.รส. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งแล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง คิดว่าจะมีปัญหามากขึ้นหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ไม่มี ประชาชนจะประณามว่าเป็นพรรคกาลีบ้านกาลีเมือง เป็นสถาบันการเมืองแต่ไม่ลงเลือกตั้ง ที่โยกโย้ไม่ใช่เพราะกติกาการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ แต่รู้ว่าแพ้เยอะกว่าเก่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามกฎหมายแล้วถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้งรอบที่สอง ไม่ถือว่าพรรคจะถูกยุบใช่หรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า “ผมไม่พูดเลย 258 ล้านยุบพรรคแน่ ๆ ก็ไม่ยุบ 29 ล้านยุบแน่ๆ ก็ไม่ยุบ เพราะเป็นพรรคมีเส้น อย่าไปพูด เรื่องข้าวนายอภิสิทธิ์ถูกร้อง ก็ไม่สอบ ปรส. 8.7 แสนล้านก็ไม่สอบ โกงโรงพัก โกงสร้างแฟลตก็อยู่สบาย ทีพรรคเพื่อไทยอีกาบินผ่านก็ร้อง แล้วบ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร อย่าไปพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ ต้องไปถามนายอลงกรณ์ พลบุตร”

“ผมยืนยันไม่ว่าความเห็นใคร บ้านเมืองสงบได้ต้องมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลแล้วปฏิรูป แล้วต้องถามประชาชนว่าเอาไหม ไม่ใช่ถามกำนันสุเทพ ไม่ใช่ถามพรรคประชาธิปัตย์ กติกาใหม่ประชาชนเอาไหม ถ้าผ่านการทำประชามติ ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่” ผอ.ศอ.รส. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการนายกฯ เชื่อว่าจะสามารถประคับประคองสถานการณ์ไปได้ใช่หรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกฯ ต่อ ป.ป.ช. ก็คิดหนักเพราะต้องอยู่ที่หลักฐาน อย่าไปทำตามกระแส เพราะนายกฯ ไม่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น คนที่รับผิดชอบพูดเยอะไป อย่าให้คนตั้งข้อสังเกต แล้วทำไมต้องรีบร้อน จะต้องชี้มูล ทีพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรี คิดว่าจะเป็นความวุ่นวายถึงขั้นกลายเป็นชนวนทำให้บ้านเมืองแตกแยกหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ไม่กล้าพูดขนาดนั้น ถ้าตรงไปตรงมาปัญหาไม่เกิด ทำอย่างไรนายกฯ มาตรา 7 ก็ไม่ได้ ไม่มีหรอก ฝ่ายเสธไม่ฉลาด ขอให้เลิกคิดได้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เลขาธิการ กปปส. ประกาศการเดินรณรงค์ในกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ก็ให้เดินไป และตนขอฝากบอกนายสุเทพว่าเวลาที่คนนั่งฟังปราศรัยให้สลับแถวบ้าง แถวเก่าทุกคืนเขาจับได้ หน้าตาเดิม ภาพเดิม ปรบมือยิ้มแย้ม โบกธงชาติท่าทางเหมือนเดิม ต้องสลับแถวบ้าง

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

สรุปผลการประชุม ศอ.รส. เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๗


ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

เรื่องที่ ๑ จากการที่แกนนำ กปปส. ได้กล่าวอ้างตลอดมาว่าการชุมนุมของ กปปส. นั้นเป็นไปโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ ศอ.รส. ขอเรียนว่า บัดนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏออกมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคำกล่าวอ้างของกลุ่ม กปปส. นั้นไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงจากคำให้การของนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์นที่กล่าวว่าตนเป็นการ์ด กปปส. ได้รับการฝึกอาวุธและได้รับอาวุธปืนเอ็ม ๑๖ ที่ใช้ก่อเหตุมาจากการ์ด กปปส. ซึ่ง นายวิวัฒน์ฯ ได้ยอมรับสารภาพพร้อมเล่าเหตุการณ์รายละเอียดต่อหน้าสื่อมวลชนจำนวนมากที่ ศอ.รส. เมื่อวานนี้ โดยเปิดเผย ไม่มีการข่มขู่บังคับให้รับสารภาพแต่อย่างใด การที่นายวิรัตน์ฯ จะแกล้งรับสารภาพหรือถูกข่มขู่ให้รับสารภาพ จึงเป็นไปไม่ได้เลย และการรับสารภาพจะต้องรับโทษหนักจำคุกถึง ๒๐ ปี จึงเป็นไม่สมเหตุสมผล และจากคำสารภาพของนายวิวัฒน์ฯ ดังกล่าว เป็นที่ชัดเจนว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. มีการแอบฝึกกองกำลังและสะสมอาวุธอย่างผิดกฎหมายมาโดยตลอด โดยเฉพาะอาวุธสงครามร้ายแรง นอกจากนี้ จากสถิติของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ได้รวบรวมคดีทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าในช่วงการชุมนุมที่มีประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้เสียหาย ปรากฏว่ามีจำนวนถึง ๒๐๙ คดี ยอดผู้บาดเจ็บเกือบ ๓๐๐ คน ซึ่งรวมถึงกรณีของนายยืม นิลหล้า รปภ.ที่ถูกการ์ด กปปส. กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและนำตัวไปโยนทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง แต่รอดชีวิตมาได้ และได้ให้การว่าแกนนำ กปปส. เป็นผู้สั่งการให้ทำร้ายร่างกาย ดังนั้น การที่แกนนำ กปปส. หลายคนกล่าวหาว่า กรณีจับมือปืนป๊อปคอร์นเป็นการจับแพะ ไม่ใช่ตัวจริง ก็เป็นการใส่ร้ายเจ้าพนักงานตำรวจที่มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง 

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำกล่าวอ้างของบรรดาแกนนำ กปปส. ที่ว่าตนชุมนุมอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ศอ.รส. จึงขอเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุมและเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ศอ.รส.จะได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว รอบคอบ และเป็นธรรม เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

เรื่องที่ ๒ ที่ประชุม ศอ.รส. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่แกนนำกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มอื่นใด นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ โดยมีพฤติกรรมคุกคามให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ออกจากสถานที่ทำงาน โดยใช้มวลชนจำนวน ๕๐ - ๑๐๐ คนขึ้นไป ใช้เครื่องขยายเสียง พูดคุกคาม ใช้โซ่คล้องใส่กุญแจ และกระทำการอื่น ๆ เช่น ส่งคนเข้าไปในบริเวณอาคารเพื่อทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เกรงกลัว เป็นต้น ศอ.รส. เห็นว่า นอกจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดฐานบุกรุกแล้ว ยังสมควรต้องดำเนินคดีฐานความผิดต่อเสรีภาพ คือ การข่มขืนใจ นอกจากนี้ยังเป็นความผิดตามประกาศ ศอ.รส. ฉบับที่ ๑/๒๕๕๗ เรื่องห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ อีกด้วย และเป็นการดำเนินคดีแยกรายครั้งต่างกรรมต่างวาระไป ทั้งนี้ ศอ.รส.ได้มีหนังสือจากผู้อำนวยการ ศอ.รส. แจ้งถึงปลัดกระทรวงทุกกระทรวงในวันนี้เพื่อให้ดำเนินการดังกล่าวภายใน ๒๔ ชั่วโมง ของการกระทำผิดทุกครั้งไป และให้จัดเจ้าหน้าที่บันทึกภาพแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดให้ชัดเจนและครบถ้วน เพื่อให้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีด้วย และเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปโดยเรียบร้อยในแนวทางเดียวกัน ผู้อำนวยการ ศอ.รส. จึงกำหนดให้เชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกันในวันจันทร์ที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ศอ.รส.

เรื่องที่ ๓ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ในการดำเนินคดีพิเศษกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม ๕๘ คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกันนั้น เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายสุเทพฯ กับพวกผู้ต้องหา ยังมีพฤติการณ์กระทำผิดในเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งวันรับสมัครรับเลือกตั้ง วันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะล้มล้างหรือขัดขวางการใช้อำนาจบริหารของรัฐบาล ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับคดีขัดขวางการเลือกตั้ง และขอให้ส่งสำนวนมาเพื่อพิจารณารวบรวมสอบสวนเป็นกรณีต่อเนื่องและเกี่ยวพันกันกับคดีพิเศษ ทั้งนี้ ศอ.รส. ได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการคดีความผิดดังกล่าวโดยรวดเร็วและเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดในลักษณะนี้อีก

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน
______________________

CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 21/03/2014


March 21, 2014

At 13:00 hrs. Mr.Tharit Pengdit, Director General, Department of Special Investigation, briefed the press on the outcome of the meeting of the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO).

1. Following series of violences related to the demonstrations of the People's Democratic Reform Committee (PDRC), the CAPO wished to inform the public that the demonstrations is neither peaceful nor without weapons. This has been proved from the confession of Mr.Wiwat Yodprasith or as known as the Popcorn Gunman, that he was a PDRC's security guard and received a M16 rifle from the head of guards. Mr.Wiwat confessed before the media and the CAPO wished to insist that Mr.Wiwat was not threatened or forced to speak. From the record of the Metropolitan Police Bureau, since the demonstrations, 209 cases on acts of violences which left more than 300 injuries have been brought to the justice. This also included the case of Mr.Yuem Nilla, an innocent people who was beaten and detained by PDRC's security guards before he was thrown to the river. The CAPO wished to encourage the public to not join the protest or travel close to the sites.

2. Following the blockading of government agencies premises by the PDRC, the CAPO reaffirmed that such action has been against the law and also the order under the Emergency Decree and the Internal Security Act. The Director of the CAPO has instructed Permanent Secretaries of all agencies to take legal actions within 24 hours and also to assign officials to record such action. Also, the Director of the CAPO has invited Permanent Secretaries of all agencies to discuss about this matter on 24 March, 14.00 hrs. at the CAPO headquarters.

3. The CAPO has coordinated with the Royal Thai Police to provide information and evidences that related to the election obstructions led by Mr.Suthep Thaugsuban, Secretary-General of the PDRC in order to proceed with further legal actions as a special case.

วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

CAPO’S ANNOUNCEMENT OF 20/03/2014


At 13:00 hrs. Mr. Tharit Pengdit, Secretary-General of the Center for the Administration of Peace and Order (CAPO), briefed the press on the outcome of the meeting of the CAPO earlier in the day, gist as follows:

1. The CAPO has received a report on the case against Mr. Suthep Thaugsuban, and 58 leaders of the People’s Democratic Reform Committee (PDRC) who have violated the law and caused difficulties for the public by instigating the protesters. Investigation officers, consisted of Royal Thai Police, DSI and attorney General have decided to include their wrong-doing on blocking the election with their previous allegations. Investigation officers will file the case to attorney general in 30 days. If the attorney general issues the injunction against those 58 individuals and they resist to present themselves to Court, the attorney officials may consider requesting the Court to approve for arrest warrants. During the case filling period, the CAPO urged these 58 individuals to present themselves to investigation officers before 31 March, to hear their allegation.

2. The CAPO has received a report from the Metropolitan Police and Provincial Police regional commands regarding the legal proceedings against the election obstructions. So far, there are 194 cases involving election obstructions (51 cases in Bangkok and 143 cases in other provinces) and 178 cases involving the failure of electoral officers to perform their duties (66 cases in Bangkok and 112 cases in other provinces). 193 persons already faced arrest warrants and 152 persons have been arrested.

3. The CAPO reaffirmed that it will continue the process of investigation and prosecution against actions of members of the PDRC that had violated the law in various occasions particularly the elections obstructions. The CAPO would like to draw an attention on progress made on investigation and prosecution, including 26 individuals have been arrested on their violent acts at Panfa Lilat intersection. Yesterday, Mr. Wiwat Yodprasith, known as popcorn gunman, who fired gunshots at Laksi Intersection was also arrested.

ศอ.รส.รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. 58 คน

ศอ.รส.รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. 58 คน เผยหากแกนนำที่ถูกออกหมายเรียกอีกครั้งไม่มารับทราบข้อกล่าวหา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะสรุปสำนวนคดีของ ทั้ง 58 คนเสนอพนักงานอัยการใน 30 วัน ระบุหากมีคำสั่งฟ้องแล้วยังไม่ได้ตัวจะขอศาลออกหมายจับ-ชี้กรณีมือปืนป๊อปคอร์นแสดงให้เห็นว่าการชุมนุม กปปส. มิได้ปราศจากอาวุธ


วันนี้ (20 มี.ค.57) เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศอ.รส. ประจำวัน ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการ ศอ.รส. เป็นประธานการประชุมโดยมีมติที่สำคัญ ดังนี้

เรื่องที่ 1 ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงการดำเนินคดีพิเศษกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม 58 คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ว่า คณะพนักงานสอบสวนอันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุด จะได้นำเอาความผิดฐานร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง มารวมกับความผิดในคดีพิเศษดังกล่าว เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา โดยถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน และแม้ว่าการออกหมายเรียกแกนนำ กปปส. อีกครั้งในสัปดาห์นี้จะไม่มีแกนนำ กปปส. มารับทราบข้อกล่าวหาก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าวก็จะสรุปสำนวนคดีของแกนนำทั้ง 58 คน เสนอพนักงานอัยการภายในอีก 30 วันนับจากวันนี้ เพราะมีเงื่อนระยะเวลาเกี่ยวกับการฝากขังผู้ต้องหาบางคนที่ถูกจับตัวได้ จะต้องดำเนินการส่งสำนวนให้พนักงานอัยการก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย และหากในที่สุดเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำทั้ง 58 คน หากมีคนใดที่ยังไม่ได้ตัวเข้ามาในคดี ก็จะได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับต่อไป ซึ่งการออกหมายจับในกรณีเช่นนี้จะแตกต่างจากการขอออกหมายจับชั้นสอบสวน แต่เป็นการขอออกหมายจับชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกาถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการเป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะออกหมายจับให้

ดังนั้น การที่แกนนำ กปปส. ที่ถูกดำเนินคดีไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่เป็นผลดีต่อตัวผู้ต้องหาเลย ศอ.รส.จึงแนะนำพนักงานสอบสวนเปิดโอกาสแก่ผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่งด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนว่า หากผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. คนใด ต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อให้การต่อสู้คดี ก็ขอให้ติดต่อ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 081 623 8410 เพื่อติดต่อนัดหมายก่อนที่จะมีการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการดังกล่าว ซึ่งการจะนัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีควรเป็นก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2557

เรื่องที่ 2 ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ 20 มีนาคม 2557 ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ 1) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 194 คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน 143 คดี 2) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 178 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 112 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 372 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้รวมทั้งสิ้น 193 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 152 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน

ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้ อนึ่ง ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้

เรื่องที่ 3 ศอ.รส. ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า ศอ.รส. มีนโยบายในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ กปปส. หรือบุคคลอื่นใด ทั้งที่มีการออกหมายจับแล้วและกำลังจะออกหมายจับ โดยเจ้าพนักงานได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินคดีต่างๆ มีความคืบหน้าไปมากในช่วงที่ผ่านมา อาทิ กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพธรรม รวมจำนวน 26คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป พร้อมสำนวนการสอบสวนและความเห็นสมควรสั่งฟ้อง จากเหตุการณ์บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีต่อไป หรือกรณีการจับกุมตัวนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นต้น โดยเฉพาะกรณีของมือปืนป๊อปคอร์นนั้น แสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของ กปปส. มิได้เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ศอ.รส. จะได้กำกับดูแลและเร่งรัดให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อป้องปรามผู้ที่จะกระทำความผิด และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย มิให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะกระทำความผิดในอนาคต

สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ ศอ.รส. ได้แจกเอกสารรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน พร้อมกับรายชื่อผู้ต้องหา ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2556 โดยระบุรายชื่อผู้ต้องหารวม 58 คนใน 3 บัญชี รวมทั้งข้อหาที่ออกหมายเรียก ซึ่งอธิบดีดีเอสไอกล่าวเพิ่มเติมว่า แกนนำ กปปส. ทั้ง 58 ราย มี 2 รายที่เจ้าหน้าที่ได้ตัวแล้วคือนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และนายพิชิต ชัยมงคล ส่วนผู้ถูกออกหมายเรียกที่เหลืออีก 56 คนที่ไม่พาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกนั้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองเลย ควรจะมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดี มิฉะนั้นภายใน 30 วันเจ้าพนักงานคดีพิเศษจะสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการ

รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน

1. กคพ. มีมติ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2556 ให้การดำเนินการกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ถูกกล่าวหากระทำความผิดอาญาสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและบางจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2556 เป็นต้นมา รวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนในการกระทำความผิดด้วย และความผิดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน เป็นคดีพิเศษ

2. ในการสอบสวนได้ร่วมกันสอบสวน 3 ฝ่าย โดยมีพนักงานสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด (อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน )

3. การประชุมคณะพนักงานสอบสวนได้เห็นชอบแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาจำนวน 58 คน ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ (ม.113) , สมคบ ตระเตรียม สะสมกำลังพลเพื่อเป็นกบฏ (ม.114) , ร่วมกันยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย (ม.116) , ร่วมกันยุยงให้ประชาชนร่วมปิดงานงดจ้าง (ม.117) , มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง (ม.215) , เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก (ม.216)

4. ขณะนี้ศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้รวม 6 คน

4.1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

4.2 นายนิติธร ล้ำเหลือ

4.3 นายอุทัย ยอดมณี

4.4 นายรัชช์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ อมร อมรรัตนานนท์

4.5 นายพิชิต ชัยมงคล

4.6 นายกิตติชัย ใสสะอาด

5. พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ทั้งหมดจำนวน 3 ครั้ง ส่วนกลุ่มที่ 3 จำนวน 2 ครั้ง แต่ผู้ต้องหาไม่มาตามหมายเรียก โดยมีหนังสือแจ้งขอเลื่อนไปโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร

6. ขณะนี้มีการจับกุมตัวนายพิชิต ชัยมงคล และนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม มาดำเนินคดีแล้ว และศาลอาญาได้ให้ประกันตัวไปโดยมีเงื่อนไขห้ามยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

7. สิ่งที่จะดำเนินการเพิ่มเติม คือ จะแจ้งข้อหาในเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้งกับแกนนำเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากถือเป็นคดีที่ต่อเนื่อง เกี่ยวพันกับคดีพิเศษ

8. สำนวนการสอบสวนจะเร่งสรุปมีความเห็นทางคดีโดยอาจมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานอัยการ ประมาณวันที่ 21 เมษายน 2557 โดยถือว่าเป็นกรณีมีตัวผู้ต้องหา (นายสนธิญาณฯ และนายพิชิตฯ) ส่งให้พนักงานอัยการ ซึ่งคาดว่าพนักงานอัยการอาจจะมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดได้โดยเร็ว

9. หากในที่สุดเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้ว จะสั่งให้พนักงานสอบสวนจัดการให้ได้ตัวมาฟ้อง เมื่อพนักงานสอบสวนจะได้รับแล้วจะนำไปขอหมายจับต่อศาล ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกา ถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ เป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะต้องออกหมายจับให้

ผอ.ศอ.รส.ระบุ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นคุณต่อระบอบประชาธิปไตย


ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส.ระบุ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นคุณต่อระบอบประชาธิปไตย พร้อมมั่นใจพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอีก

วันนี้ (20 มี.ค.57) เวลา 10.15 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์ ผ่านสื่อมวลชนไปยังประชาชนและผู้ที่รักประชาธิปไตย ว่าเมื่อปี 2535 มีประชาชนเสียชีวิตจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีการประท้วงคัดค้าน พลเอก สุจินดา คราประยูร นายทหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้นำเรื่องนี้ไปหาเสียงว่าเชื่อมั่นระบบรัฐสภา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านมา 22 ปีแล้ว แต่วันนี้กลับเกิดเหตุการณ์เรียกร้องให้เอานายกฯ คนกลาง เอานายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พวกนักวิชาการทั้งหลายกำลังงมงายที่หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นแนวทางจะล้มรัฐบาล ชุดนี้ ทำไมนักวิชาการที่มาเคลื่อนไหวเอานายกฯ คนนอกจึงไม่คิดถึงอดีตที่มีการเรียกร้องแล้วมีการเสียชีวิต ทำไมไม่นึกถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ต้องสูญเสีย จึงขอให้นักวิชาการตอบมาว่ามีเหตุผลอะไร

ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ได้ภาวนาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ว่าอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้การเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ตนจะดูหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่ายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยจะลงเลือก ตั้งใหม่หรือไม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เรียกร้องประชาธิปไตยแล้วจะเลิกชุมนุมหรือไม่ ตนอยากให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะจะได้จบ เพื่อไปสู่เส้นทางของการแข่งขันกันด้วยนโยบาย ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร แต่หากวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะก็จัดการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ถือว่าเป็นคุณกับพรรคเพื่อไทย แต่ถือว่าเป็นคุณต่อระบอบประชาธิปไตย ดีกว่าไปสู่ระบบอื่น เลือกตั้งเมื่อไรพรรคเพื่อไทยก็ชนะอีก ตนกลัวแต่ประชาธิปัตย์จะไม่ลงสมัคร กลัวนายสุเทพจะไม่เลิกชุมนุม ทั้งวิเคราะห์ด้วยว่าศาลอาจจะไม่สั่งก็ได้ แต่ตนภาวนาให้เป็นโมฆะ และตนเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ภาวนาไว้ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็โมฆะเลือกตั้งใหม่ก็จะง่าย

ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือต้องการให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง จะเป็นปัญหาอย่างไรหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา ถ้าคนที่หนุนหลังนายสุเทพไม่หนุนต่อก็จบ ไม่มีอะไร ชุมนุมสงบ ปราศจากอาวุธ ที่สวนลุมพินีเป็นแหล่งรวมอาวุธ ตำรวจก็อยากค้น แต่ถ้าค้นก็จะเกิดการปะทะบาดเจ็บ ตำรวจจะถูกกล่าวหาว่าทำเกินกว่าเหตุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลอีกถ้ามีการเลือกตั้งครั้งนี้ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า มั่นใจเกินร้อย ไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้ คนด่ากันทั้งกรุงเทพฯ บอกชุมนุมสงบเปิดเผยแต่จับทีไรก็มีอาวุธ

ผอ.ศอ.รส. กล่าวถึงการจับมือปืนป๊อบคอร์นได้ว่า ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์มาก พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจับแพะ ตำรวจยุคนี้เก่ง ซึ่งตำรวจจะได้มีการขยายผลการจับกุมต่อไป ตนบอกให้เดินเต็มสูบ ไม่ต้องไปเกรงใจใคร ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนที่ตำรวจยังจับกุมผู้ต้องหาอื่นตามหมายจับไม่ได้นั้น เพราะหากเข้าไปจับในที่ชุมนุมก็ยิงกัน อาจมีการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ตนไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรง ข้างหลังนายสุเทพมีปืนทั้งนั้น หากตำรวจไปขยับหน่อยก็ถูกหาว่าทำเกินกว่าเหตุ ตนไม่อยากให้นายสุเทพตายเร็ว ต้องอยู่ต่อไป นายสุเทพเป็นตัวละคร อยากให้นายสุเทพอยู่ถึงอายุ 110 ปี จะได้เจ็บปวดว่าประท้วงแทบตายไม่ได้ผล เลือกตั้งทีไรพรรคเพื่อไทยก็เป็นรัฐบาลทุกที ปราศรัยก็ไม่มีอะไรเลย พูดจาด่าว่านายกฯ หยาบคาย ใช้ไม่ได้ ไม่สมกับเป็นสุภาพบุรุษ ไม่สมกับเคยเป็นรัฐมนตรี ไม่สมกับที่เคยเป็นรองนายกฯ พรุ่งนี้นายสุเทพจะคลั่งถ้าศาลฯ ตัดสินว่าการเลือกตั้งโมฆะ นายสุเทพจะคลั่งเพราะต้องมีการเลือกตั้งใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผอ.ศอ.รส. ได้มีการพูดคุยกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิสิต สินธุไพร ถึงกรณีมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นใกล้กับที่บ้านพักหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ได้คุยกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ตำรวจกำลังไปสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลจะมีเหตุระเบิดไปลงที่บริเวณบ้านพักส่วนตัวของ ผอ.ศอ.รส. หรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า “โดนไปแล้วไม่ได้บอกใคร บ้านผมเป็นสนามซ้อมเอ็ม 79 อยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้บอกใคร ยิงไกลจากถนนหลายกิโลฯ แต่พื้นที่ของบ้านผมกว้าง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าวันนี้รัฐบาลกำลังถูกต้อนให้ไม่มีที่ยืนหรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า รัฐบาลนั่งเครื่องบินเจ็ต แต่ประชาธิปัตย์และพวกที่คัดค้านนั้นพายเรือบด ตามไม่ทันหรอก คนละชั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส. เตรียมที่จะรับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ดูเหมือนจะเริ่มร้อนขึ้น อย่างไร ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ร้อนแน่ เพราะตนบอกมาตั้งแต่ต้น การเตรียมรับมือคือดูให้ดีที่สุด มีจังหวะก็จับให้หมด ถ้าผู้ที่มีหมายจับแล้วออกนอกที่ชุมนุมเมื่อไรจะถูกจับแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส. ประเมินว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์อยู่ได้ใช่หรือไม่ ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า “อยู่ ไม่มีอะไร อย่าไปเชื่อนายสุเทพ ที่ขี้โม้โอ้อวด ชีวิตไม่เคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ไหน”