วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

ศอ.รส.รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. 58 คน

ศอ.รส.รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. 58 คน เผยหากแกนนำที่ถูกออกหมายเรียกอีกครั้งไม่มารับทราบข้อกล่าวหา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะสรุปสำนวนคดีของ ทั้ง 58 คนเสนอพนักงานอัยการใน 30 วัน ระบุหากมีคำสั่งฟ้องแล้วยังไม่ได้ตัวจะขอศาลออกหมายจับ-ชี้กรณีมือปืนป๊อปคอร์นแสดงให้เห็นว่าการชุมนุม กปปส. มิได้ปราศจากอาวุธ


วันนี้ (20 มี.ค.57) เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศอ.รส. ประจำวัน ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการ ศอ.รส. เป็นประธานการประชุมโดยมีมติที่สำคัญ ดังนี้

เรื่องที่ 1 ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงการดำเนินคดีพิเศษกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม 58 คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ว่า คณะพนักงานสอบสวนอันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุด จะได้นำเอาความผิดฐานร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง มารวมกับความผิดในคดีพิเศษดังกล่าว เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา โดยถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน และแม้ว่าการออกหมายเรียกแกนนำ กปปส. อีกครั้งในสัปดาห์นี้จะไม่มีแกนนำ กปปส. มารับทราบข้อกล่าวหาก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าวก็จะสรุปสำนวนคดีของแกนนำทั้ง 58 คน เสนอพนักงานอัยการภายในอีก 30 วันนับจากวันนี้ เพราะมีเงื่อนระยะเวลาเกี่ยวกับการฝากขังผู้ต้องหาบางคนที่ถูกจับตัวได้ จะต้องดำเนินการส่งสำนวนให้พนักงานอัยการก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย และหากในที่สุดเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำทั้ง 58 คน หากมีคนใดที่ยังไม่ได้ตัวเข้ามาในคดี ก็จะได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับต่อไป ซึ่งการออกหมายจับในกรณีเช่นนี้จะแตกต่างจากการขอออกหมายจับชั้นสอบสวน แต่เป็นการขอออกหมายจับชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกาถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการเป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะออกหมายจับให้

ดังนั้น การที่แกนนำ กปปส. ที่ถูกดำเนินคดีไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่เป็นผลดีต่อตัวผู้ต้องหาเลย ศอ.รส.จึงแนะนำพนักงานสอบสวนเปิดโอกาสแก่ผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่งด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนว่า หากผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. คนใด ต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อให้การต่อสู้คดี ก็ขอให้ติดต่อ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 081 623 8410 เพื่อติดต่อนัดหมายก่อนที่จะมีการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการดังกล่าว ซึ่งการจะนัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีควรเป็นก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2557

เรื่องที่ 2 ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ 20 มีนาคม 2557 ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ 1) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 194 คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน 143 คดี 2) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 178 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 112 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 372 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้รวมทั้งสิ้น 193 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 152 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน

ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้ อนึ่ง ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้

เรื่องที่ 3 ศอ.รส. ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า ศอ.รส. มีนโยบายในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ กปปส. หรือบุคคลอื่นใด ทั้งที่มีการออกหมายจับแล้วและกำลังจะออกหมายจับ โดยเจ้าพนักงานได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินคดีต่างๆ มีความคืบหน้าไปมากในช่วงที่ผ่านมา อาทิ กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพธรรม รวมจำนวน 26คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป พร้อมสำนวนการสอบสวนและความเห็นสมควรสั่งฟ้อง จากเหตุการณ์บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีต่อไป หรือกรณีการจับกุมตัวนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นต้น โดยเฉพาะกรณีของมือปืนป๊อปคอร์นนั้น แสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของ กปปส. มิได้เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ศอ.รส. จะได้กำกับดูแลและเร่งรัดให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อป้องปรามผู้ที่จะกระทำความผิด และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย มิให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะกระทำความผิดในอนาคต

สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ ศอ.รส. ได้แจกเอกสารรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน พร้อมกับรายชื่อผู้ต้องหา ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2556 โดยระบุรายชื่อผู้ต้องหารวม 58 คนใน 3 บัญชี รวมทั้งข้อหาที่ออกหมายเรียก ซึ่งอธิบดีดีเอสไอกล่าวเพิ่มเติมว่า แกนนำ กปปส. ทั้ง 58 ราย มี 2 รายที่เจ้าหน้าที่ได้ตัวแล้วคือนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และนายพิชิต ชัยมงคล ส่วนผู้ถูกออกหมายเรียกที่เหลืออีก 56 คนที่ไม่พาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกนั้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองเลย ควรจะมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดี มิฉะนั้นภายใน 30 วันเจ้าพนักงานคดีพิเศษจะสรุปสำนวนส่งให้กับอัยการ

รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน

1. กคพ. มีมติ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2556 ให้การดำเนินการกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ถูกกล่าวหากระทำความผิดอาญาสืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและบางจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2556 เป็นต้นมา รวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนในการกระทำความผิดด้วย และความผิดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน เป็นคดีพิเศษ

2. ในการสอบสวนได้ร่วมกันสอบสวน 3 ฝ่าย โดยมีพนักงานสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด (อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน )

3. การประชุมคณะพนักงานสอบสวนได้เห็นชอบแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาจำนวน 58 คน ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ (ม.113) , สมคบ ตระเตรียม สะสมกำลังพลเพื่อเป็นกบฏ (ม.114) , ร่วมกันยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย (ม.116) , ร่วมกันยุยงให้ประชาชนร่วมปิดงานงดจ้าง (ม.117) , มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง (ม.215) , เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก (ม.216)

4. ขณะนี้ศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้รวม 6 คน

4.1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

4.2 นายนิติธร ล้ำเหลือ

4.3 นายอุทัย ยอดมณี

4.4 นายรัชช์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ อมร อมรรัตนานนท์

4.5 นายพิชิต ชัยมงคล

4.6 นายกิตติชัย ใสสะอาด

5. พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ทั้งหมดจำนวน 3 ครั้ง ส่วนกลุ่มที่ 3 จำนวน 2 ครั้ง แต่ผู้ต้องหาไม่มาตามหมายเรียก โดยมีหนังสือแจ้งขอเลื่อนไปโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร

6. ขณะนี้มีการจับกุมตัวนายพิชิต ชัยมงคล และนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม มาดำเนินคดีแล้ว และศาลอาญาได้ให้ประกันตัวไปโดยมีเงื่อนไขห้ามยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

7. สิ่งที่จะดำเนินการเพิ่มเติม คือ จะแจ้งข้อหาในเรื่องการขัดขวางการเลือกตั้งกับแกนนำเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากถือเป็นคดีที่ต่อเนื่อง เกี่ยวพันกับคดีพิเศษ

8. สำนวนการสอบสวนจะเร่งสรุปมีความเห็นทางคดีโดยอาจมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานอัยการ ประมาณวันที่ 21 เมษายน 2557 โดยถือว่าเป็นกรณีมีตัวผู้ต้องหา (นายสนธิญาณฯ และนายพิชิตฯ) ส่งให้พนักงานอัยการ ซึ่งคาดว่าพนักงานอัยการอาจจะมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดได้โดยเร็ว

9. หากในที่สุดเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้ว จะสั่งให้พนักงานสอบสวนจัดการให้ได้ตัวมาฟ้อง เมื่อพนักงานสอบสวนจะได้รับแล้วจะนำไปขอหมายจับต่อศาล ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกา ถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ เป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะต้องออกหมายจับให้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น