วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

ผอ.ศรส.ระบุควรยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจาก ศรส. ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้หลังศาลแพ่งมีข้อห้าม 9 ข้อ


ผอ.ศรส.ระบุควรยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจาก ศรส. ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ หลังศาลแพ่งมีข้อห้าม 9 ข้อ เผยห่วงการชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรีในโครงการรับจำนำข้าว ชี้หาก ป.ป.ช.ตัดสินให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล

วันนี้ (12 มี.ค.57) เวลา 10.35 น. ที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศรส. ให้สัมภาษณ์แสงความเห็นกรณีการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า จากสถานการณ์การเมืองขณะนี้ตนเห็นว่ายังไม่สงบ และยังไม่ได้รับสัญญาณจากคณะรัฐมนตรี แต่ได้บอกเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไปว่าควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะนับตั้งแต่ศาลแพ่งมีข้อห้าม 9 ข้อออกมา คณะทำงาน ศรส. ก็แทบจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่เมื่อมีชื่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ต่างชาติก็วิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้นควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนจะใช้กฎหมายใดมาดูแลความสงบก็สุดแต่นายกรัฐมนตรี เพราะหลักกฎหมายมีอยู่แล้ว ทั้งหลักกฎหมายทั่วไปที่ใช้อยู่ตลอด หรือจะใช้พระราชบัญญัติความมั่นคง ก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี ส่วนตัวเห็นควรยกเลิก พ.ร.ก.ฯ โดยหากมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเชื่อมโยงกับกระทรวงยุติธรรมและรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลงานควรเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งกำกับดูแลการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ และมองว่าการทำงานในหน้าที่ ผอ.ศรส. เป็นงานในสถานการณ์พิเศษ หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็ไม่ควรมีหน้าที่

ผอ.ศรส. กล่าวถึงการชี้มูลความผิดนายกรัฐมนตรี ของ ป.ป.ช.ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ประมาณกลางเดือนหน้าว่า ยังไม่ทราบว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ตนเป็นห่วงนายกฯ เพราะนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้ลงในรายละเอียด แต่เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว หรือ กนข. เดิมไม่มีชื่อนายกฯ เกี่ยวข้อง มีเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถ้า ป.ป.ช. ชี้มูลตัดสินให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยรองนายกรัฐมนตรีต้องมาปฏิบัติหน้าที่แทน ก็จะมีผลกระทบ เพราะลำดับความสำคัญไม่เหมือนกัน นายกฯ ได้รับการยอมรับจากประชาชนสูง หากให้คนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าถ้า ป.ป.ช. เขียนมามีเหตุมีผล ความรุนแรงก็จะไม่เกิด แต่ถ้าเขียนออกมาแล้วค้านสายตาคนดู ก็อาจจะเกิดเรื่องจากเบาไปหาหนัก เพราะมีผู้รักความเป็นธรรมอยู่ ทั้งนี้ ไม่ได้มองว่าค้านสายตาคนเสื้อแดงอย่างเดียว แต่คนทั้งประเทศดูอยู่

“ ถ้าอย่างนั้นต่อไปใครจะเป็นรัฐบาล มีนโยบายอะไรก็ต้องไปขออนุญาต ป.ป.ช. ขออนุญาตศาลรัฐธรรมนูญ ขออนุญาต กกต. ถ้า 3 หน่วยงานนี้อนุมัติถึงมาแถลงต่อรัฐสภาได้ โครงการจำนำข้าวเป็นนโยบาย นายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ไปให้ท่านรับผิดชอบ มันห่าง แต่ตอนนี้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะทำอย่างไร เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะปฏิรูป เอาเลย จากนี้ต่อไปใครเป็นรัฐบาลต้องเอานโยบายไปขออนุมัติ ป.ป.ช. ขออนุมัติศาลรัฐธรรมนูญ ขออนุมัติ กกต. แล้วถึงทำงานได้” ผอ.ศรส. กล่าว

ผอ.ศรส. ยังกล่าวถึงกรณีที่วันนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยลงมติว่าร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่ากู้ไม่ได้ ก็ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศ รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ความเจริญในท้องถิ่น การเชื่อมต่ออาเซียนไปเวียดนาม ไปจีน ไปคุนหมิง ลงภาคใต้ ก็ไม่มีวันสร้าง ต่างจังหวัดแทนที่ที่ดินจะแพงขึ้น ความเจริญจะดีขึ้นก็ไม่มี รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่ก็มีคนมาร้องว่าถ้ากู้ไม่ได้รัฐบาลต้องออก แล้วจะให้ออกไปไหน ขอให้รอ ป.ป.ช.ก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น