ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (12 มี.ค. 57) พ.ต.อ. จารุต ศรุตยาพร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล ปทุมวัน พร้อมด้วย ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าในการดำเนินคดี กลุ่มการ์ด กปปส. ที่ก่อเหตุจับตัว ร.ท.หญิง สุณิสา ขณะไปทำธุระส่วนตัว ที่สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหลักฐานเพิ่มเติม เป็นภาพจากกล้องวิดิโอวงจรปิด ที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่กลุ่มการ์ด กปปส. กำลังบุกจับตัว ร.ท.หญิง สุณิสา ซึ่งกำลังเดินออกจากพรเกษมคลินิค มุ่งหน้าไปยังสยามสแควร์ เพื่อกลับไปที่รถยนต์และกลับบ้าน
พ.ต.อ. จารุต กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิด ชี้ให้เห็นว่า มีชายสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวยืนดักรอ ร.ท.หญิง สุณิสา อยู่แถวหน้าพรเกษมคลินิค เมื่อเห็น ร.ท.หญิง สุณิสา ชายคนดังกล่าว ได้ใช้วิทยุ ส่งสัญญาณเรียกกลุ่มการ์ด ให้บุกมาสมทบเพื่อควบคุมตัว ร.ท.หญิง สุณิสา โดยจุดที่ ร.ท.หญิง สุณิสา ถูกจับกุมตัว คือ หน้าแพนคลินิค ซึ่งเป็นทางเข้าสยามแสควร์ ด้านข้างโบนันซ่า บริเวณปากซอย จุฬาฯ 7 และอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง หลังจากนั้น กลุ่มการ์ดนับสิบคน ได้ฉุดกระชากลากถู ร.ท.หญิง สุณิสา แล้วนำตัวไปควบคุมไว้ ณ. ที่ทำการของการ์ด กปปส. ภายในบริเวณหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับหลักฐานเป็นภาพวิดิโอวงจรปิดชิ้นนี้ ก็จะใช้เป็นหลักฐานในการขอหมายศาลเพื่อจับกุมบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพภายใน 1-2 วันนี้ โดยเบื้องต้น จะดำเนินคดีในความผิด 3 ข้อหา คือ 1.กักขังหน่วงเหนี่ยวฯ 2.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ และ 3.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ
ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า ภาพจากกล้องวิดิโอวงจรปิด ชี้ให้เห็นว่า ตนเองไม่ได้ถูกจับเพราะเข้าไปสอดแนมในเวทีชุมนุม กปปส. และจุดที่ถูกจับ ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ๆ มีการชุมนุมแต่อย่างใด แต่ถูกจับขณะที่กำลังทำธุระอยู่ในย่านการค้า โดยที่ตนเองไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามในบริเวณที่มีการชุมนุมของ กปปส. เลยแม้แต่น้อย ที่ผ่านมา แกนนำ กปปส. พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลบเกลื่อนความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุม และแกนนำ กปปส. ไม่สามารถควบคุมการชุมนุม ให้เป็นไปโดยสงบ สันติ และอหิงสา ได้อย่างที่อ้าง และที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้หลายครั้ง เช่น การจับตัว รปภ. ไปโยนทิ้งแม่น้ำบางปะกง หรือ ล่าสุด ที่มีการรุมซ้อมวิศวกรชายคนหนึ่ง ที่ขับรถเข้าไปในบริเวณที่ชุมนุมแถวถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งแกนนำ กปปส. โดยเฉพาะ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ควรปฏิเสธความรับผิดชอบ เพราะเหตุที่กลุ่มการ์ดมีพฤติกรรมที่รุนแรง ก็น่าจะเป็นเพราะได้รับการกระตุ้นจากการฟังปราศรัยบนเวที เนื่องจาก ผู้ปราศรัยใช้ Hate Speech หรือ การปลุกระดมด้วยภาษาที่สร้างความเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้คนฟัง รู้สึกว่าการทำร้าย หรือคุกคามผู้ที่คิดต่าง ไม่ใช่เรื่องผิด หากแกนนำไม่พร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น หรือไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมลูกน้องของตัวเองให้อยู่ในกรอบของกฎหมายได้ ก็สมควรจะยุติการชุมนุมได้แล้ว เพื่อไม่ให้ใครต้องได้รับความเดือดร้อนหรือถูกทำร้ายอีก อันที่จริง หากคนในสังคมมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ควรใช้หลักเหตุผลในการพูดจากันเพื่อหาทางออก ไม่ควรใช้กำลังในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุม ก็ควรแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ โดย นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค ควรแสดงจุดยืนว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยหรือไม่ กับการใช้ความรุนแรงเหล่านี้ เพื่อพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า นาย อภิสิทธิ์ มีวุฒิภาวะ และมีความเป็นผู้นำของพรรคอย่างแท้จริง ไม่ใช่เด็กอมมือ ที่เอาแต่รับคำสั่ง จาก นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปวัน ๆ เท่านั้น
ในส่วนของ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เพิ่งรณรงค์จัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากลอย่างใหญ่โต เมื่อสองสามวันที่ผ่านมานั้น หากนั่นไม่ใช่แค่การสร้างภาพ นาย สุเทพ ก็ควรแสดงความจริงใจต่อผู้หญิงทั้งประเทศ โดยการยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง หรือ ยุติการคุกคามทางเพศต่อสตรี ทุกรูปแบบ โดยขอให้ปฏิบัติทันที โดยไม่ต้องรอหลังเลือกตั้ง หรือ รอให้ปฏิรูปประเทศเสร็จก่อน ที่สำคัญ นาย สุเทพ ควรปฏิบัติต่อสตรีอย่างเท่าเทียมกัน อย่าแบ่งแยกว่าเป็นพวกเขาหรือว่าพวกเรา ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้น จะเป็นนายกฯ หรือ เป็นหญิงชาวบ้าน ก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า นาย สุเทพ จะเห็นใจแต่เฉพาะผู้หญิงที่เป็นลูกน้องตัวเอง ว่าถูกรังแกหรือคุกคาม แต่พอเป็นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือ คุณหญิง พจมาน ดามาพงษ์ ถูกคุกคามและถูกกระทำอย่างหยาบคายบ้าง นาย สุเทพ กลับหุบปากเงียบ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษ พึงกระทำ ยกเว้นว่า นาย สุเทพ จะไม่ใช่สุภาพบุรุษ จึงไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ หากเรื่องแค่นี้ นาย สุเทพ ยังทำไม่ได้ แล้วใครจะกล้าไว้วางใจให้ นาย สุเทพ มาเจ้ากี้เจ้าการในการปฏิรูปประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น