วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

ศอ.รส.ประชุมวางแผนป้องกันเหตุวันชุมนุมใหญ่ กปปส.-นปช. 5 เม.ย.นี้ เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมหากพบติดอาวุธจะถูกจับ


ผอ.ศอ.รส. เผย 14.00 น.วันนี้ รอง ผบ.ตร. ผบช.ภูธรภาค ผบ.ชน. ร่วมประชุมวางแผนป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ระหว่างกลุ่ม กปปส.-นปช. ที่จะเคลื่อนไหวพร้อมกัน 5 เม.ย.นี้ เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมหากพบติดอาวุธจะถูกจับ ชี้ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไม่ว่าเป็นกลุ่มใด

วันนี้ (2 เม.ย.57) เวลา 10.15 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธซุ่มยิงกลุ่ม คปท. จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ว่า ตนห่วงใยมาตลอด โดยเฉพาะกลุ่ม คปท. และ กปปส. ที่มีการเคลื่อนที่เหมือนกองกำลังติดอาวุธ ทำให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยลำบาก ตนบอกมาตลอดว่าการชุมนุมโดยสงบเปิดเผยต้องอยู่กับที่ การไปแสดงเจตนารมณ์มีตัวแทน 3 - 5 คนพอ เรื่องอย่างนี้ตนบอกล่วงหน้า ไม่ได้ขู่ หากเคลื่อนที่ลักษณะนี้ จะมีเรื่องอีก พอมีเรื่อง ศอ.รส. ก็เสียหาย รัฐบาลก็เสียหาย แนะนำบอกกล่าวก็ไม่รับฟัง

ผอ.ศอ.รส. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าตนเองทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง เนื่องจากสนับสนุนให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมในวันที่ 5 เม.ย. นั้น เป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากกลุ่ม นปช. ชุมนุมนอกพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตนจึงมีสิทธิ์แสดงความเห็น อีกทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศว่าถ้ามีคนชุมนุม และมากกว่า กปปส. จะเลิกชุมนุม ตนอยากให้นายสุเทพเลิก จึงเชียร์ให้ นปช. ชุมนุมเยอะ ๆ และยังชักชวนพรรคพวกที่ชอบตนให้มาร่วมด้วย แต่หาก นปช. เข้ามาชุมนุในพื้นที่ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตนแสดงความเห็นไม่ได้ ต้องหยุด มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการประจันหน้ากัน ไม่ให้มีการทำร้ายซึ่งกันและกัน ซึ่งเวลา 14.00 น. วันนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับผู้บังคับการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1,7,8 และ 9 วางแผนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย

นอกจากนี้ การที่ กปปส. ประกาศจะติดอาวุธเพื่อป้องกันตนเองนั้น ตนมองว่าปกติพวกเขาก็มีอาวุธอยู่แล้ว ถ้าหากพบว่ามีอาวุธจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องจับ ถ้าใครทำผิดต้องจับ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนเตือนมาตั้งแต่ต้นก็หาว่าขู่ ไม่ว่ากลุ่มใด ส่วนที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงโพสต์เฟซบุ้กก่อนหน้าที่จะมีเหตุเกิดเพียงไม่นานนั้น ไม่มีปัญหา หากมาแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวน ถ้าปรากฏว่าทำผิดต้องจับกุม ยกเว้นไม่ได้ ให้เอาหลักฐานมาเลย ถ้าปรากฏว่าใครทำผิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นใคร ตนสั่งการเต็มที่ตามอำนาจหน้าที่ที่มี

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีความห่วงใยว่าในการชุมนุมวันที่ 5 เม.ย.นี้ อาจจะเกิดเหตุปะทะกันนั้น ได้มีการประสานเป็นการภายในกับแกนนำของทั้งสองกลุ่มหรือไม่อย่างไร ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า กปปส. ไม่รู้จะประสานใคร กปปส. เป็นกบฏ ไปประสานด้วยไม่ได้ แต่ นปช. ได้ประสานกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แล้ว นปช.ไปที่ถนนอักษะ ทั้งไม่ห่วงว่า นปช. อาจมีการเคลื่อนเข้ามา แต่ห่วงกลุ่มกบฏ

“ วันนี้ก็เคลื่อนอีกแล้ว เห็นว่ามาพระราม 6 อย่างนี้จะถูกยิง นึกหรือว่าไม่มีคนเขาเกลียด พวกผมไม่ทำหรอก ทำแล้วจะได้อะไร มีแต่เสียหาย การไปเกะกะระราน หน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้ คนเขาเดือดร้อน เขาไม่มีหัวใจหรือ เขาต้องโกรธพวกคุณ คปท. เป็นใคร เหมือนกองกำลังติดอาวุธ เรียกร้องประชาธิปไตยที่ไหน กปปส. พอขึ้นรถก็เหมือนเทวดา ทำอะไรไม่ผิด ก็มีศัตรู แต่ไม่ใช่กับพวกผม ผมไปทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมยืนยันเลย ไม่ใช่ขู่ ถ้ายังประพฤติอย่างนี้ จะมีอีก แล้วไปทำทำไม” ผอ.ศอ.รส. กล่าว

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติไม่ให้เป็นพยานให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้โครงการรับจำนำข้าวเกิดความเสียหาย ว่า ไม่ให้ไปก็ไม่มีสิทธิ์ไป จะไปทำอะไรได้ แต่เชื่อว่านายกฯ ไม่ผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่ต้องมีหน้าที่ นายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่ปลัดกระทรวง หรืออธิบดี ไม่ใช่ อคส. อตก. แต่นายกฯ เป็นระดับนโยบาย ตนเชื่อว่า ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรม อย่างน้อยต้องภูมิใจว่า ป.ป.ช. ไม่ได้มองนายกฯ ทุจริต ตรงนี้เป็นหลักประกัน เป็นการตบหน้านายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ โดย ป.ป.ช.เป็นผู้ตบเอง ส่วนเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ต้องดูว่านายกฯ มีหน้าที่หรือไม่ แต่ตนมองว่าเรื่องความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่นั้นกว้างไป อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด จะใช้เสียงที่ไหนมาถอดถอน เพราะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 เสียงไม่พอ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับคำร้องที่ให้ตีความสถานะนายกฯ จากกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เพราะไม่ใช่ข้อกฎหมาย อีกทั้งการโยกย้ายเป็นอำนาจนายกฯ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พวกรอส้มหล่นจะร้องไห้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น